นม ประโยชน์ วันดื่มนมโลก วันสำคัญ วันสำคัญสากล

รักใคร…ให้ดื่มนม “วันดื่มนมโลก” วันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี

Home / สาระความรู้ / รักใคร…ให้ดื่มนม “วันดื่มนมโลก” วันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี

วันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี นอกจากจะเป็นวันสำคัญของนักเสี่ยงโชคในเมืองไทยแล้ว (วันหวยออก) ก็ยังเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของโลกนั่นคือ “วันดื่มนมโลก (World Milk Day)” ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นวันสำคัญที่จะต้องหยุดราชการหรือการทำงาน แต่ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่มีการรณรงค์ให้คนส่วนใหญ่เห็นความสำคัญของการดื่มนม

รักใคร…ให้ดื่มนม

องค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ หรือ The Food and Agriculture Organization (FAO) ได้กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี เป็น “วันดื่มนมโลก (World Milk Day)” เพื่อให้ประชาชนและองค์กรในหลายๆ ประเทศให้ความสำคัญและสนับสนุนการดื่มนม ร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์และให้ความรู้ถึงประโยชน์ของนมแก่ประชาชนซึ่งปัจจุบันมีประเทศที่เข้าร่วมมากกว่า 35 ประเทศทั่วโลก

เพราะ “นม” เป็นเครื่องดื่มที่มีความสำคัญและให้ประโยชน์อย่างมาก เหมาะกับทุกเพศทุกวัย หาดื่มได้ง่าย เป็นเครื่องดื่มที่มีแคลเซียมสูงที่สุดอีกด้วย ซึ่งแคลเซียมนั้นมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น ฟอสฟอรัส คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และวิตามิน ฯลฯ

“กระดูก” ในร่างกายของคนเรานั้นจำเป็นต้องเสริมสร้างความแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เพื่อช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและป้องกันปัญหากระดูกร้าวหรือแตกหักง่ายเมื่ออายุมากขึ้น อีกหนึ่งส่วนในร่างกายที่ต้องการแคลเซียมอย่างมากคือ “ฟัน” ของเรานั่นเอง เพราะเนื้อฟันมีสารเคลือบที่ประกอบด้วยแคลเซียม ฟันจึงต้องการแคลเซียมเพื่อช่วยเสริมสร้างให้ฟันแข็งแรง สุขภาพดีและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

ปัจจุบันนมในท้องตลาดมีมากมายหลายรสชาติให้เลือกไม่ว่าจะเป็น นมสด นมพาสเจอร์ไรส์ นมพร่องมันเนย นมเปรี้ยว ฯลฯ ซึ่งในการเลือกดื่มนมนั้นก็ควรจะเลือกดื่มตามทีร่างกายต้องการด้วย เช่น น้องๆ หนูๆ ก็ควรที่จะดื่มนมสด (Fresh milk) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและพัฒนาการสมอง ส่วนหญิงตั้งครรภ์ควรดื่มนมที่มีแคลเซียมสูงๆ เพื่อเสริมสร้างกระดูกทั้งมารดาและทารกในครรภ์ หรือดื่มนมเปรี้ยวเพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ ป้องกันอาการท้องผูก และยังเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย

สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือดสูง ควรดื่มนมพร่องมันเนย (Low fat fresh milk) เพราะเป็นนมที่สกัดแยกมันเนยออกบางส่วน ทำให้เป็นนมที่มีพลังงานต่ำและมีปริมาณไขมันเพียงเล็กน้อย เหมาะอย่างมากสำหรับผู้สูงอายุหรือคนทั่วไปที่มีปัญหาไขมันในเส้นเลือดสูง

ส่วนวัยรุ่นหรือคนวัยทำงานนั้น สามารถเลือกทานนมได้ทุกรสชาติทุกรูปแบบแล้วแต่ว่าต้องการประโยชน์ด้านใดจากนมชนิดนั้นๆ เช่น ถ้าต้องการช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายหรืออาการท้องผูก ควรดื่มนมเปรี้ยว หรือถ้าต้องการหลีกเลี่ยงไขมันควรดื่มนมขาดมันเนย (Non fat milk) เพราะเป็นนมที่แยกมันเนยออกเกือบทั้งหมด…ดื่มแล้วไม่อ้วนแน่นอนค่ะ

ในการดื่มนมนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องดื่มแต่นมเพียงอย่างเดียว สามารถรับประทานนมร่วมกับอาหารชนิดอื่นๆ ได้ด้วย เช่น คุกกี้ ขนมปัง ซีเรียล ผลไม้ โดนัท เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้รับประทานนมได้ง่ายยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ไม่ชอบดื่มนม แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไปเพราะอาหารต่างๆ เหล่านี้เป็นแหล่งสะสมของไขมันจำนวนมากนะจ๊ะ

รวมประโยชน์ของนม

  1. ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกในวัยเด็ก
  2. ถ้าดื่มนมในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่นจะมีส่วนช่วยทำให้สูงขึ้น เพราะแคลเซียมจะช่วยทำให้กระดูกยาวขึ้น
  3. มีความสำคัญอย่างมากต่อพัฒนาการทางร่างกายและสมองของเด็กๆ
  4. ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุน กระดูกเปราะ
  5. มีส่วนช่วยลดความดันโลหิต (แคลเซียม)
  6. ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ (แคลเซียม)
  7. ช่วยทำหน้าที่ยืดและหดตัวของกล้ามเนื้อ (แคลเซียม)
  8. ช่วยป้องกันการเกิดความผิดปกติของกล้ามเนื้อ (วิตามินดี)
  9. ช่วยทำให้เลือดแข็งตัว (แคลเซียม)
  10. ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง (วิตามินบี 12)
  11. ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด (วิตามินดี)
  12. ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารเป็นปกติ ทำให้ขับถ่ายได้สะดวก ป้องกันอาการท้องผูก (นมเปรี้ยว)
  13. ช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย (วิตามินบี 1)
  14. ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย
  15. ช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและสร้างภูมิต้านทาน
  16. ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
  17. ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย (ไขมันหรือมันเนยที่อยู่ในนม)
  18. ช่วยบำรุงประสาท (วิตามินบี 1)
  19. ช่วยบำรุงหัวใจ (วิตามินบี 1)
  20. ช่วยในการทำงานของระบบเซลล์ผิวหนัง (วิตามินบี 2)
  21. ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

เมื่อความสำคัญและประโยชน์ของนมมีมากมายขนาดนี้ แล้วทำไมเราถึงยังลังเลที่จะดื่มนมกันอยู่ล่ะคะ…ดื่มนมกันเถอะ!!!

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก dpo.go.thmedthai.com, pexels.com

บทความแนะนำ