วิธีทำอาหาร เสือร้องไห้ พร้อมน้ำจิ้มแจ่วแซ่บๆ สูตรเด็ด ทำง่ายๆ

เชฟแพม-พิชญา อุทารธรรม เปิดสูตรหมักเนื้อออสเตรเลียย่างแสนอร่อย เพื่อเติมเต็มความสุขให้กับช่วงเวลาพิเศษ กับ วิธีทำอาหาร เสือร้องไห้ ต้นตำรับไทย พร้อมสูตรน้ำจิ่มแจ่วแบบแซ่บๆ ที่ไม่ว่าใครก็ทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน

วิธีทำอาหาร เสือร้องไห้ พร้อมน้ำจิ้มแจ่วแซ่บๆ

เพราะวัตถุดิบทั้งหมดของเมนูนี้ สามารถหาซื้อได้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป รับรองคอเนื้อทั้งหลาย จะต้องเต็มอิ่มไปกับรสชาติเนื้อออสเตรเลีย ที่ทั้งความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ และรสเข้มอร่อยทุกคำที่ลิ้มลอง ผสานเข้ากับวัตถุดิบเครื่องเทศตำรับไทย ที่แซ่บถึงใจคนรักเนื้ออย่างแน่นอน

สูตรเมนูเสือร้องไห้ ของเชฟแพม

เนื้อวัว

เนื้อเสือร้องไห้ True Aussie Beef 500 กรัม
เกลือ ½ ช้อนชา (เพิ่ม-ลดปริมาณได้ตามชอบ)

วิธีทำอาหาร เสือร้องไห้

น้ำจิ้มแจ่ว

น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
ผงข้าวคั่ว 1 ช้อนชา
พริกป่น 1 ช้อนชา
ผักชีซอย 5 กรัม
ต้นหอมซอย 5 กรัม

ขั้นตอนการปรุง

ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง
ค่อย ๆ นวดเกลือกับเนื้อที่เตรียมไว้
นำมาย่างบนกระทะ 3-4 นาที ให้สุกทั่วทุกด้านแล้วยกเนื้อขึ้นจากกระทะ (สามารถปรับเวลาการย่างได้ตามความหนาของชิ้นเนื้อและตามความชอบของแต่ละคน)
พักเนื้อ 2 นาที ก่อนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
ทำน้ำจิ้มแจ่ว ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก ผงข้าวคั่ว พริกป่น ผักชีและต้นหอมซอยเข้าด้วยกัน
เสิร์ฟเนื้อย่างพร้อมข้าวเหนียวและผักสด

เชฟแพม-พิชญา อุทารธรรม เซเลบริตี้เชฟ และแบรนด์แอมบาสเดอร์ True Aussie Beef ประเทศไทย แนะนำว่า “สำหรับการทำเมนูเสือร้องไห้ให้อร่อยถูกใจคอเนื้อ ไม่ยากอย่างที่คิด ถ้ามีเนื้อดี มีคุณภาพก็ไม่ต้องปรุงอะไรมากให้เสียรสชาติ แค่โรยเกลือกับพริกไทย และนำไปย่าง ก็อร่อยแล้ว อย่างเมนูจานนี้แพมเลือกเนื้อออสเตรเลีย เพราะเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อวัว ที่เลี้ยงด้วยหญ้าในท้องทุ่งกว้างใหญ่ตามธรรมชาติ บนแนวทางการทำปศุสัตว์แบบยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บวกกับการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการเลี้ยง การขุนอาหาร และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานขั้นสูงจนเป็นที่ยอมรับของร้านอาหารเนื้อชั้นนำทั่วโลก

เชฟแพม-พิชญา อุทารธรรม

สำหรับเมนูนี้แพมเลือกใช้เนื้อส่วนอก หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ เนื้อเสือร้องไห้ เพราะเหมาะสำหรับการปรุงด้วยความร้อนต่ำอย่างช้า ๆ ซึ่งเราจะได้เนื้อที่นุ่มและชุ่มฉ่ำ อีกทั้งเนื้อส่วนนี้ยังให้รสเนื้อที่เข้มข้นมากกว่าเนื้อส่วนอื่นที่ต้องปรุงนาน ๆ อย่างสันคอ และยังเข้ากันได้ดีกับเครื่องเทศที่ใช้ในสูตรนี้อีกด้วย

กุญแจสำคัญ คือการพักชิ้นเนื้อที่ย่างให้นานพอ จนเนื้อคลายความร้อนและเย็นลงสู่อุณหภูมิต่ำ จากนั้นปรุงให้สุกช้า ๆ อย่างการรมควัน การอบ หรือการย่างแบบช้าๆ เพื่อทำให้ได้เนื้อที่นุ่มละมุนลิ้นเคี้ยวได้ไม่เหนียว จากนั้นหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ พร้อมเสิร์ฟกับน้ำจิ้มแจ่วได้เลยค่ะ”