“เพื่อนกิน .. หาง่าย เพื่อนพาไปทำสวย .. หายาก”
สวัสดีค่ะทุกคน รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของผู้หญิงหน้าตาทั่วไปอย่างเรา หลังไปทำศัลยกรรมครั้งแรก
นั่นคือการเสริมจมูกค่ะ แต่พิเศษกว่าคือเพื่อนสนิทพาไปทำค่ะ.. 5555555
เรามีเพื่อนสนิทคนนึงที่ทำงานวงการนางแบบ แน่นอนค่ะว่าไลฟ์สไตล์นางต้องดูแลตัวเองอัพเกรดความสวยความงามอยู่ตลอด แต่เรานี่ตรงกันข้ามเล๊ยย ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะทำศัลยกรรมค่ะ แต่ก็ดูแลตัวเองทั่วๆ ไปแบบผู้หญิง ก็ทาครีม ทานอาหารเพื่อสุขภาพ และก็แต่งหน้าเบาๆ ค่ะ
คนนี้เพื่อนเราเอง ชื่อเมกัส นางเป็นนางแบบของเพลบอย หลายๆ คนอาจคุ้นหน้าบ้าง
แต่พักหลังๆ นี้เองที่เพื่อนเราเข้าคลินิกบ่อยมากกกกกกก บางครั้งเราไปด้วย ไปนั่งรอ
ได้เห็นบรรยากาศในคลินิก ได้ดูวีดีโอ (ฆ่าเวลา – -“) เกี่ยวกับการฉีดนู่นผ่านี่ ดูไปเรื่อยก็เริ่มซึมซับมาทีละนิดๆ
จนล่าสุดที่นางไปดูดไขมันเหนียงมาแล้วเห็นว่าเปลี่ยนมาก ปกตินางหน้าเรียวนะ แต่เหนียงเยอะมาก แต่หลังดูดมาประมาณ 2 อาทิตย์แล้วเหนียงหายไปเลย เลยคิดว่าเออ คลินิกนี้คงดีจริง ทำแล้วเห็นผล
ซึ่งนอกจากเพื่อน เราก็จะเห็นคนอื่นๆ ที่เข้ามาทำศัลยกรรมใช้บริการจริงๆ ก็โอเคเลยนะ
ม่ได้บริการดีแต่กับเคสวีไอพี กับคนธรรมดาก็ใส่ใจเหมือนกัน ถ้าวันนึงเราทำศัลยกรรมก็คงมาทำที่นี่แหละ
คิดเล่นๆ แต่ไปๆ มาๆ เพื่อนก็มาบ่นทำไมเราไม่ทำไรบ้างเลย ให้เราดูแลตัวเองบ้าง ศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องแปลก
เดี๋ยวนี้หน้าตาบุคลิกก็ต้องควบคู่กันนะ .. – -“ เราก็ฟังมันบ่นๆ แต่ในใจก็แอบคิดมาสักพักแล้วว่าจะทำจมูกดีมั้ย ??
จมูกเดิมของเรามีดั้งอยู่บ้างแล้วค่ะ แต่โชคร้ายไปนิดที่มันดูไม่มีมิติเลย ด้านข้างพอจะเป็นสันดั้งอยู่บ้าง
แต่ด้านตรงคือเหมือนคนจมูกใหญ่ๆ บางทีเซลฟี่ก็รู้สึกขาดความมั่นใจไป
เพื่อนเราเป็นคนนัดจัดแจงนัดคิวกับคลินิกให้ค่ะ .. จริงๆ เพื่อนกล่อมอยู่นานมาก
แต่เพราะไม่เสียค่าปรึกษาเราเลยตัดสินใจไป สำหรับเคสเราได้ปรึกษากับคุณหมอต้น
เป็นแพทย์หลักทำจมูกของที่นี่ (คุณหมอต้นเป็นแพทย์ศัลยกรรมเฉพาะทางค่ะ) ก่อนปรึกษารอประมาณเกือบชั่วโมงเลย
แอบนานไปหน่อย ไม่รู้ว่าเราไปวันที่คนเยอะรึเปล่าเลยแจ็คพ็อต เราเลยไปเดินเล่นสยามรอ
พอใกล้คิวทางพนักงานก็โทรมาตาม ก็นั่งรออีกแปปนึงก็ได้เข้าไปปรึกษาที่ชั้น 2 ค่ะ
คุณหมอจะดูนิ่งๆ นิดนึง แต่พอเวลาเค้าพูดเค้าจะถามเราเยอะมาก
อยากได้แบบไหน ยังไง ไหนมีแบบมามั้ย (เราแอบโดนบ่นค่ะเพราะไม่ได้ทำการบ้านไป
เพราะหมอกลัวจะทำออกมาแล้วไม่ถูกใจ)
จำได้ว่าเราถามหมอจริงๆ จังๆ ไปเรื่องเดียว คือ การฉีดยาชาค่ะ คือเรากลัวการฉีดยาชามากกก
เพราะเคยฉีดตอนผ่าตัดเย็บแผลหกล้มตอนเด็กๆ จำความรู้สึกได้ว่ามันเจ็บจี๊ดไปถึงหัวใจมากกกกกก
โอ๊ยชีวิตนี้กลัวอะไรกับยาชาที่สุด ใช้เวลาปรึกษาทั้งหมด เกือบๆ 20 นาทีค่ะ
สรุปได้ว่าคุณหมอจะใช้ยาฉีดเข้าเส้นเป็นยาผ่อนคลายให้เรารู้สึกง่วงๆเบลอๆก่อนจะฉีดยาชาจ้า
และซิลิโคนใช้เป็นแบบเกาหลีพรีเมี่ยม เน้นเสริมบริเวณดั้งให้ได้ทรงเคิร์ฟจนมาถึงเกือบสุดปลายจมูก
เราเป็นคนมีเนื้อเยอะอยู่แล้ว คุณหมออธิบายว่าพอเสริมจะทำให้จมูกหน้าตรงดูมีมิติขึ้น
ด้านข้างสันดั้งก็จะเป็นทรงเคิร์ฟชัดเจน (เป็นจมูกทรงเกาหลีที่คุณหมอถนัด)
หลังปรึกษาเสร็จคุณหมอก็รีบขอตัวไปผ่าตัดต่อเลยค่ะ เข้าใจเลยว่าคนเยอะจริงๆ มาผิดวันแน่ๆฉันน – -”
หลังปรึกษาก็นั่งคุยกับเพื่อนต่อให้ช่วยกันตัดสินใจ ตอนแรกว่าจะโทรมาคอนเฟิร์มทีหลังขอตัวไปคิดก่อน
เพราะไม่ได้วางแผนมาเลยว่าจะพักฟื้นกี่วัน (คิดว่าทำครั้งแรก บวมเป็นสิงห์โตแน่นอน5555)
แต่น้องเซลล์มาบอกว่าตอนนี้แถมคอร์สฟื้นฟูร่างกายด้วยตู้ออกซิเจนให้ด้วย ราคาอยู่ที่ 10,000 บาท
(คอร์สนี้จะทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วกว่าปกติเป็นเท่าตัวค่ะ) เราเลยขอเข้าไปดูเจ้าเครื่องนี้ก่อนตัดสินใจ
จะเป็นตู้นอนส้มๆ ในนั้นจะเป็นห้องออกซิเจน เราเคยเห็นในซีรีส์ฝรั่งเวลาผ่าตัดค่ะ
นิยมกันมาก คิดว่าน่าจะคุ้มก็เลยจองคิวและมัดจำวันนั้นไปเลยค่ะ (ไม่ค่อยงกของฟรีเลยเนอะ5555555555555555)
น้องพนักงานแจ้งว่าคุณหมอมีเคสเยอะมาก ใจเราก็อยากทำวันพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำเพราะเดี๋ยวเราจะมีสอบ
กลัวทำมาแล้วร่างกายเพลียต้องพักฟื้นนานจะกระทบไปด้วย โชคดีที่ได้คิวทำอีก 1 อาทิตย์ถัดไปเร็วที่สุดค่ะ
ก่อนทำ 1 อาทิตย์เซลล์จะแจ้งให้งดเที่ยว งดดื่ม งดกินอาหารเสริม และวันมาทำควรงดดื่มกาแฟค่ะ
เพราะจะช่วยให้เอฟเฟ็คขณะผ่าตัดและหลังผ่าตัดน้อยที่สุดจ้า
ซึ่งเราก็ปฏิบัติตามหมดค่ะ ปกติก็ไม่ค่อยได้เที่ยวและดื่มกาแฟอยู่แล้ว จะมีก็แค่วิตามินซี
บอกตามตรงว่าคืนก่อนวันมาทำ 1 วัน นอนไม่หลับเลย ตื่นเต้น ใครทำครั้งแรกคงเป็นเหมือนเราป่ะ ? 5555
พอเช้ามาต้องไปทำนี่จะหลับเลยจ้าา ตอนนั้นก็คิดว่าเออ ก็ดีนะ ตอนทำจะได้หลับไปเลย หายกลัวไปสิ
พอถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัดจริงๆ รู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก ใจเต้นตึกๆๆๆ พยาบาลประมาณ 2-3 คนค่ะ
นอนรอคุณหมอเข้ามา แต่ก็จะได้เจาะเข็มให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดก่อนเลยค่ะ พอคุณหมอเข้ามาปุ๊ปถึงเริ่มรู้สึกวูบๆ
จะหลับ ยังไม่รู้ตัวเลยตอนนั้น มัวแต่ภาวนาขอให้ไม่เจ็บๆๆ หลับปุ๋ยจ้า 5555555555555 เราได้สติรู้สึกตัวว่าเจ็บนิดๆ
ก็ตอนคุณหมอเย็บแผลแล้วค่ะ แอบมึนเบาๆ เพราะเรานอนน้อย พอคุณหมอและพยาบาลเช็ดหน้าให้เราเสร็จตอนลุกนี่แอบคลื่นไส้เลยค่ะ เลยยอมรับกับเค้าไปตรงๆ ว่า หนูนอนน้อยอ่ะค่ะ ..
นอนไม่หลับ เค้าดุว่าไม่ได้เลยนะเพราะมันจะทำให้เวียนหัวจ้า ใครที่กำลังเตรียมตัวจะมาทำนี่ต้องนอนให้พอนะจ๊ะ
ไม่งั้นจะมีอาการวูบวาบอยากอ้วกแบบเรา ต้องนอนพักเกือบครึ่งชั่วโมง – -“
แต่ดีที่คลินิกมีห้องพักฟื้นและมีพยาบาลคอยเฝ้า เอาน้ำแดงมาให้ดื่มด้วย พอได้ดื่มก็ช่วยได้เยอะเลยทีเดียวค่ะ
ตั้งสติได้ก็ให้เพื่อนตัวดีที่รออยู่ข้างล่างขึ้นมารับค่ะ นางก็แซวแบบเห้ยย มีดั้งแล้ว
แต่จริงๆคือบวมค่ะ ดูไม่ค่อยออกเท่าไหร่ แต่ส่วนตัวก็โอเคที่มันไม่โด่งเว่อร์จนเป็นหอไอเฟลอะไรขนาดนั้น
เรามีเวลาได้หยุดอยู่ห้องเฉยๆแค่วันเดียว พอวันที่ 2 กะ 3 ก็เข้ามอไปติว แอบมีรอยแดงนิดๆ แต่ไม่มีเขียวๆ ไม่เป็นสิงโต เดี๋ยวดูรูปเอานะคะ
ครบ 7 วันก็เข้าคลินิกไปพบคุณหมออีกรอบและเอาผ้าเทปที่แปะจมูกออก
ส่วนตัวเราไม่ค่อยซีเรียสกับอาการบวมหรือรูปทรงค่ะเพราะไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พอเอาเฝือกออกเห็นทรงชัดเจน
รู้สึกหน้าเปลี่ยนไปเลย ตาแอบคมขึ้น จมูกพอเริ่มยุบแล้วหน้าตรงเริ่มเห็นสัน มีมิติ ด้านข้างจมูกเคิร์ฟสวย คุณหมอยังชอบเลยค่ะ
พอปรึกษาเสร็จก็เข้าตู้ออกซิเจน เป็นคอร์สแถมฟรีที่คลินิกให้ นอนเล่นในตู้ 1 ชั่วโมงเต็ม รู้สึกสดชื่น
อากาศเย็นสบายๆ เกือบหลับไปเลยจ้าา
หลังเข้าตู้เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดในวันถัดไปเลยค่ะ ปลายจมูกที่บวมตุ่ยๆ ยุบไปเยอะ และรอยแดงๆก็จางลงอย่างเห็นได้ชัด คุ้มค่ะ
ตอนนี้จมูกประมาณ 1 เดือนกว่า เนื้อที่บวมเริ่มยุบตัวขึ้นเรื่อยๆ จมูกเริ่มเรียวเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
เพื่อนยังเห่อจมูกใหม่มากกว่าเราไปอีก – -“ ส่วนตัวเราตอนนี้พอใจกับจมูกและใบหน้าตัวเองแล้วนะ
คิดว่ากำลังดี เข้ากับหน้า ดูไม่หน้าพลาสติกเกินไป ต้องขอบคุณคุณหมอต้นเลยค่ะที่เปลี่ยนชีวิตหนู
พูดน้อยต่อยหนัก คุณภาพล้วนๆ เลยค่ะ คุ้มกับเงินที่เสียไปมาก และที่สำคัญเลยยยยยย ขอบคุณยัยเพื่อนตัวแสบ^^
ปล.ราคาที่เราทำ 23,000 บาทรวมค่ายาแล้ว
(ได้คอร์สเข้าตู้ออกซิเจนฟื้นฟูแผลให้หายไวด้วยหนึ่งคอร์สค่ะ) ไม่ต้องกลัวว่าบวมนาน คอนเฟิร์มเลย
ที่มา สมาชิก arepoo1412