การผ่อนดาวน์ การเงิน การเช่าซื้อ รถ สินเชื่อ

เรื่องน่ารู้ 5 คำถาม การเช่าซื้อ การผ่อนดาวน์รถ เลือกซื้อรถ

Home / เรื่องทั่วไป / เรื่องน่ารู้ 5 คำถาม การเช่าซื้อ การผ่อนดาวน์รถ เลือกซื้อรถ

การเลือกรถที่ถูกใจ ทดลองเทส์ตไดร์ฟ ติดตามข่าวสาร อ่านรีวิว หรือแม้แต่เปิดตำราหาสีถูกโฉลก ก่อนขับรถใหม่ป้ายแดงออกจากโชว์รูมนั้น คงเป็นเรื่องที่มือใหม่หัดขับทั้งหลายคุ้นชินกันแล้ว แต่รู้หรือไม่ การเป็นเจ้าของรถคันโปรดหรือรถในฝัน อ่านบทความ ” 5 คำถามเกี่ยวกับ การเช่าซื้อ มือใหม่หัดเช่าซื้อ ”

5 คำถามเกี่ยวกับ การเช่าซื้อ

ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งเป็นคำถามคาใจของใครหลายคน และเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อรถ คือการวางแผนสินเชื่อกรุงศรี ออโต้ ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จึงอยากไขข้อสงสัย 5 คำถามคาใจ แนะ “มือใหม่หัดเช่าซื้อ”

เรื่องน่ารู้ 5 คำถาม การเช่าซื้อ การผ่อนดาวน์รถ เลือกซื้อรถ

1. ดาวน์ 0% ดีไหม ?

ดาวน์ 0% ดีไหม ?

แน่นอนว่าเมื่อเห็นโปรโมชันดาวน์ 0% มักล่อตาล่อใจ เพราะออกรถได้โดนไม่ต้องใช้เงินสักบาท แต่อย่าลืมคิดถึงค่างวดผ่อนชำระต่อเดือนที่อาจสูงลิบ เพราะอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง และจะคิดดอกเบี้ยจากราคารถทั้งหมด รวมถึงส่วนใหญ่มักให้ผ่อนชำระไม่เกิน 48 งวด ลองคิดเล่นๆ หากซื้อรถราคา 600,000 บาท ด้วยเงื่อนไขดาวน์ 0% ผ่อน 48 เดือน ค่างวดรถจะอยู่ที่ 14,995 บาท* แต่ถ้าหากอดทนเก็บเงินดาวน์อีกสักนิด และวางเงินดาวน์ 25% จะทำให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง และค่างวดรถจะอยู่ที่ 10,233 บาท* เรียกว่าเหลือเงินค่างวดไปทำอย่างอื่นได้สบาย

2. ดอกเบี้ย “คงที่” หรือ “ลดต้นลดดอก” กันแน่

ดอกเบี้ย “คงที่” หรือ “ลดต้นลดดอก” กันแน่

ตามหลักเกณฑ์แล้วการเช่าซื้อรถ มีการคิดคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินต้นแบบ “คงที่” (คิดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมดเท่ากันทุกงวด ตั้งแต่วันที่ทำสัญญาจนถึงวันที่ผ่อนเสร็จ) แต่มีการผ่อนชำระดอกเบี้ยแบบ “ลดต้นลดดอก” (จำนวนดอกเบี้ยที่ชำระในแต่ละงวดจะลดลง) ดังนั้น เมื่อผ่อนชำระงวดแรกๆ ยอดเงินที่จ่ายไปส่วนใหญ่จะเป็นดอกเบี้ย และงวดหลังๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการชำระเงินคืนต้น จึงไม่ต้องตกใจเมื่อเห็นยอดเงินต้นคงเหลืออยู่เยอะ แม้ว่าจะทยอยผ่อนไปบ้างแล้ว ทั้งนี้ ในการทำสัญญาเช่าซื้อกับสถาบันการเงิน จะมีตารางที่แจกแจงค่างวดและดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ไว้อ้างอิงอย่างครบถ้วนอยู่แล้ว

3. คนค้ำยังจำเป็นไหม ?

คนค้ำยังจำเป็นไหม ?

สิ่งนี้ต้องถามตัวเองให้แน่ใจว่ามีความสามารถพอกับภาระหนี้ต่อเดือนหรือไม่ เพราะสถาบันการเงินยุคนี้มองที่ตัวบุคคลเป็นหลัก เงื่อนไขไฟแนนซ์ปรับเปลี่ยนได้ตามโปรไฟล์ผู้กู้ หากมีรายได้หลายทาง ทำงานหลายอาชีพ จะงานประจำหรืองานฟรีแลนซ์ มีรายได้เพียงพอแน่นอน ยื่นไฟแนนซ์ไป ยังไงคนค้ำก็ไม่จำเป็น แต่หากคุณยังมีภาระหนี้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรายได้ การมีคนค้ำประกันก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่ต้องนึกถึงเมื่อต้องเช่าซื้อรถ

4. ประกันภัยแบบไหนที่ต้องทำ

ประกันภัยแบบไหนที่ต้องทำ

เมื่อเป็นมือใหม่ ประกันภัยเป็นเรื่องสำคัญ โดยปกติเมื่อซื้อรถยนต์ป้ายแดง ผู้เช่าซื้อจะได้รับประกันภัยทั้งภาคบังคับตามกฏหมาย (พ.ร.บ.) และภาคสมัครใจ คือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี เป็นของแถมให้อยู่แล้ว แต่เมื่อขึ้นปีที่สอง จะต้องจ่ายเบี้ยต่อประกันภัยเอง ซึ่งประกันภัย พ.ร.บ. ที่เป็นภาคบังคับนั้น อยู่ที่ 645.21 บาท ราคาเดียวทุกรุ่น ทุกแบรนด์

ส่วนประกันภัยภาคสมัครใจ สามารถเลือกประเภทหรือรูปแบบความคุ้มครองได้เองตามต้องการ นอกจากนี้ ใครที่อยากอุ่นใจเพิ่มขึ้น สามารถเลือกประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (PPI) เพิ่มเติมไว้อีกฉบับก็ได้ โดยบริษัทประกันจะรับผิดชอบการชำระค่างวดที่เหลือทั้งหมด ในกรณีที่ผู้กู้ทุพพลภาพหรือเสียชีวิต แต่ประกัน PPI จะต้องทำไว้ตั้งแต่เริ่มสัญญาเช่าซื้อเท่านั้น

5. อยากปิดยอด ต้องอย่างไร

อยากปิดยอด ต้องอย่างไร

หากใครที่มั่นใจว่าผ่อนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 งวด อย่าคิดว่าไฟแนนซ์รถเป็นสิ่งที่จะอยู่กับเราไปตลอดจนถึงวันสิ้นสุดสัญญา เพราะอยากปิดบัญชีเมื่อไหร่ ทำได้ทันที และยังได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 50% ของดอกเบี้ยเช่าซื้อแบบลดต้นลดดอกที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระอีกด้วย แต่แนะนำให้เช็กยอดรวมที่ต้องชำระเมื่อวันปิดบัญชีที่แน่นอนก่อน อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ยอดภาษีมูลค่าเพิ่ม ยอดค้างชำระ หรือค่าธรรมเนียม รวมอยู่ด้วย จะได้ประเมินว่าเงินที่เตรียมไว้ปิดยอด เพียงพอหรือไม่

จะออกรถใหม่สักคัน มีตัวแปรอีกมากมาย ทั้งค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา ค่าภาษีประจำปี ค่าอุปกรณ์แต่ง ค่าประกันภัย เอาเป็นว่าเลือกคันที่ใช่ ศึกษาข้อมูลให้เข้าใจ แล้วใช้เงื่อนไขไฟแนนซ์ที่ชอบ จะตอบโจทย์ที่สุด แน่นอนว่าเมื่อมือใหม่หัดเช่าซื้อพร้อม สถาบันการเงินก็พร้อมให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบอยู่แล้ว

ภาพประกอบ unsplash.com

บทความแนะนำ