ดวงตา ริ้วรอย

ริ้วรอยรอบดวงตา ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา เกิดจากอะไร? และแก้ไขได้อย่างไรให้เห็นผล?

Home / ข่าวประชาสัมพันธ์ / ริ้วรอยรอบดวงตา ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา เกิดจากอะไร? และแก้ไขได้อย่างไรให้เห็นผล?

หากกล่าวถึงบริเวณผิวที่ละเอียดอ่อนและบอบบางที่สุดในใบหน้าของเรา แน่นอนว่าทุกคนคงทราบกันอยู่แล้วว่าคือ ‘ผิวบริเวณรอบดวงตา’ เพราะเป็นจุดที่บอบบางและอยู่ใกล้กับดวงตามากที่สุด ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่เราใช้งานแทบตลอดเวลา ทั้งใช้ในการมองเห็น การแสดงสีหน้าและอารมณ์ และยังบริเวณที่เกิดปัญหาต่างๆ ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย รอยคล้ำ ร่องตาลึก ถุงใต้ตา ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายๆ คนกำลังเผชิญและสร้างความกังวลใจอย่างมาก

เพราะเจ้าปัญหาผิวรอบดวงตาเหล่านี้ทำให้ใบหน้าของเราไม่สดใส ดูมีอายุกว่าวัย ทั้งยังเกิดขึ้นได้ง่าย แต่กลับรักษาให้หายยากสุดๆ ในบทความนี้เราจึงอยากพามาไขทุกข้อข้องใจเกี่ยวกับปัญหาผิวรอบดวงตาให้ทุกคนได้รู้กัน มารับรู้สาเหตุที่แท้จริงเพื่อที่จะได้ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น รวมถึงวิธีการรักษาอย่างไรให้ตรงจุดและเห็นผล

ไขข้อข้องใจ ปัญหาผิวรอบดวงตาต่างๆ เกิดจากอะไร

ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการรักษาเราต้องรู้จักสาเหตุการเกิดกันก่อน สำหรับปัญหาผิวรอบดวงตายอดฮิตที่พบในคนส่วนใหญ่ มีจำนวน 3 ลักษณะ ได้แก่ ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ปัญหารอยหมองคล้ำใต้ดวงตา และปัญหาถุงใต้ตา โดยแต่ละลักษณะมีสาเหตุการเกิดดังต่อไปนี้

ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา

เป็นลักษณะที่สังเกตได้ง่าย โดยอาจเกิดขึ้นเป็นรอยริ้วๆ รอบดวงตา รอยย่นใต้ตา หรือร่องตาเป็นร่องลึก มักพบในผู้สูงอายุ สาเหตุเกิดจากร่างกายผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ซึ่งสองสิ่งนี้เป็นองค์ประกอบในชั้นผิวที่ช่วยยึดเซลล์ต่างๆ ให้เรียงตัวกัน ช่วยให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน และซ่อมแซมเซลล์ผิว เมื่อร่างกายขาดหรือผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง จึงส่งผลให้ผิวบริเวณรอบดวงตาสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับไปด้วย ทำให้เกิดเป็นริ้วรอยขึ้น และนอกจากสาเหตุดังกล่าวแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นตัวกระตุ้นร่วมด้วย ได้แก่ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าที่มากจนเกินไป การถูกทำลายจาก UV แสงแดดและสารหรือควันในบุหรี่ รวมถึงการระคายเคืองที่เกิดจากการแพ้บริเวณรอบดวงตาด้วยเช่นกัน

ปัญหารอยหมองคล้ำใต้ดวงตา

มีลักษณะขอบตาที่ดำและคล้ำ ทำให้ใบหน้าของเราแลดูไม่สดใส หม่นหมอง มีสาเหตุมาจากการไหลเวียนเลือดที่ไม่ดี ส่งผลให้เส้นเลือดดำขยายตัวมากเกินไป เส้นเลือดฝอยเปราะบางลง เกิดการรั่วซึมของเลือดบริเวณรอบดวงตา รวมถึงปัญหาจากพันธุกรรมในเรื่องของเมลานิน และเม็ดสีที่ผิดเพี้ยน ทำให้ขอบตาที่ควรจะเป็นสีสม่ำเสมอกับผิวหน้ากลายเป็นสีดำคล้ำกว่าบริเวณอื่น ส่วนสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นตัวกระตุ้นร่วมด้วย ได้แก่ การสัมผัสดวงตาบ่อยๆ เช่น การถูหรือขยี้ดวงตา การใส่และถอดคอนแท็กต์เลนส์บ่อยๆ การแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางและการเช็ดผิว และการที่ผิวหนังมีอาการอักเสบ

ปัญหาถุงใต้ตา

ถุงใต้ตาจะมีลักษณะบวมและย่อนคล้อยอยู่บริเวณใต้ดวงตา เกิดจากการสะสมของน้ำและไขมัน เป็นผลมาจากอายุที่มากขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง จึงไม่สามารถกำจัดน้ำและไขมันออกไปได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมและโรค เช่น โรคภูมิแพ้ โรคโพรงจมูกและไซนัสอักเสบ โรคความดันโลหิตสูง ส่วนปัจจัยภายนอก ได้แก่ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ นอนดึก การร้องไห้อย่างหนัก และการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง มีรสเค็มจัด เผ็ดจัด เป็นต้น

จบปัญหาผิวรอบดวงตา กับวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ที่ไม่ว่าใครก็ทำได้

เมื่อรู้สาเหตุของแต่ละปัญหาผิวรอบดวงตาแล้ว เรามารู้จักวิธีป้องกันและวิธีการรักษาปัญหาผิวรอบตา เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกวิธีและเห็นผลลัพธ์มากที่สุดกันเลย

1. การรับประทานอาหารที่มีสุขภาพ

เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายที่สุด คือการลดปริมาณการรับระทานอาหารที่มีสารที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตา เช่น การหลีกเลี่ยงโซเดียม อาหารรสจัด ทั้งรสเค็ม รสเผ็ด ลดการดื่มคาเฟอีน ชา กาแฟ งดการดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงการสูบบุหรี่ เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดไม่สมบูรณ์ มีผลให้เกิดรอยคล้ำและริ้วรอยรอบดวงตาได้ง่าย

2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนที่เพียงพอจะทำให้ร่างกายของเราทำงานได้อย่างเต็มที่ การผลิตเซลล์และอวัยวะแต่ละส่วนจะไม่ทำงานหนักจนเกินไป ช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาเกี่ยวกับเซลล์ผิว เช่น ความผิดปกติของเม็ดสีเมลานีน ซึ่งจะทำให้ผิวรอบดวงตาคล้ำ ส่งผลให้คอลลาเจนและอีลาสตินลดลงจนทำให้ผิวไม่เต่งตึง และไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไม่ได้

3. การใช้สกินแคร์ดูแลรักษาบริเวณรอบดวงตา

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลรักษาบริเวณรอบดวงตาก็มีความสำคัญ ควรเลือกใช้สารสกัดที่มีความอ่อนโยน มีส่วนผสมที่ปลอบประโลมผิวและฟื้นฟูปัญหาริ้วรอย ความหมองคล้ำรอบดวงตา เช่น มีส่วมผสมคอลลาเจน อีลาสติน ไฮยาลูรอน และวิตามินอีเป็นประจำ เพื่อการฟื้นฟูจากภายนอก ทั้งนี้ควรใช้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ โดยผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

4. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

นอกจากการใช้สกินแคร์แล้ว อีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการรักษาปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตา คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งเป็นวิธีที่รักษาได้อย่างเห็นผล และยังใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ไม่ทิ้งรอยแผลเหมือนกับการผ่าตัด โดยสามารถรักษาได้ทั้งปัญหาริ้วรอย ร่องตาลึก ขอบตาคล้ำ และถุงใต้ตา โดยฟิลเลอร์มีให้เลือกหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน สำหรับฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีดังนี้

Belotero มีคุณสมบัติยืดหยุ่นและคงตัวสูง มี 4 รุ่น ได้แก่ Belotero Volume และ Belotero Intense เหมาะกับการเติมใต้ตาชั้นลึก ส่วน Belotero Soft และ Belotero Balance มีเนื้อละเอียดเหมาะกับการฉีดใต้ตา

Restylane สามารถช่วยแก้ปัญหาบริเวณใต้ตาได้หลายแบบ เช่น Restylane Vital Light ช่วยแก้ปัญหาร่องในชั้นผิว ใช้ฉีดที่ชั้นตื้น สำหรับ Restylane Classic, Restylane Defyne และ Restylane Lyft เป็นเจลโมเลกุลใหญ่ เหมาะในการแก้ไขปัญหาเบ้าตาลึก หรือร่องใต้ตาลึกและปัญหาถุงใต้ตา

Juvederm มีหลากหลายรุ่น ได้แก่ Juvederm Volite มีลักษณะเป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะกับการทำให้ใต้ตาดูอิ่มฟู ส่วน Juvederm Volift จะเป็นเจลแข็งปานกลางสามารถแก้ปัญหาร่องใต้ตาลึกให้ตื้นขึ้น และ Juvederm Voluma เป็นเจลเนื้อแข็งที่สุด ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตา และใต้ตาลึกได้ดี

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการแก้ปัญหาที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและรวดเร็ว แต่ก็มีข้อควรระวังด้วยเช่นเดียวกัน ผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรได้รับการปรึกษาและฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และเข้าใจโครงสร้างใบหน้าเป็นอย่างดี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาอื่นๆ ที่อาจตามมา เช่น อาการแพ้ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ไม่คงรูป ฉีดแล้วไม่เห็นผล และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย โดยฟิลเลอร์ไม่สามารถฉีดให้กับผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร รวมถึงผู้ที่มีปัญหาเลือดออกหรือเลือดหยุดยาก ผู้ที่แพ้สารไฮยาลูรอนิค แอซิด หรือมีโรคติดต่อ นอกจากนี้ผู้ที่มีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ หรือผู้ที่มีผิวรอบตาหย่อนคล้อยมากเกินไปก็อาจไม่สามารถรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์เพียงอย่างเดียวได้ด้วยเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าผิวบริเวณรอบดวงตาของเรามีความละเอียดอ่อนและความบอบบางมากกว่าช่วงอื่น ไม่ว่าจะเกิดจาก พันธุกรรม การใช้ชีวิตประจำวันของเราที่หนักจนเกินไป การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ รวมไปถึงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มบางชนิด สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เกิดปัญหาผิวรอบดวงตาได้  ฉะนั้นเราควรให้ความสำคัญและหมั่นใส่ใจกับผิวบริเวณรอบดวงตาให้มากขึ้น เพื่อดูแลรักษาผิวบริเวณรอบดวงตาของเราให้ยังคงความสดใส ไร้ริ้วรอย และมีสุขภาพดีในระยะยาว

ส่วนใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวรอบดวงตาอยู่ และต้องการรักษาที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและมีความปลอดภัย ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถกู้คืนสภาพผิวรอบดวงตาให้กลับมาสดใสอีกครั้ง และสิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลและรายละเอียดให้ครอบคลุม การเลือกรักษากับคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์โดยเฉพาะ อย่างที่ DSK Clinic ที่มีวิเคราะห์สภาพผิวและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล รวมถึงเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาสภาพผิวของแต่ละบุคคลมากที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาเห็นผลมากที่สุด อีกทั้งยังไม่ต้องคอยกังวลกับปัญหาผลข้างเคียงอีกด้วย

ปรึกษาสอบถามเพิ่มเติม

  • Website: https://dskclinic.com/
  • Facebook: DSK Clinic | Line: @dskinclinic
  • สาขาสเตเดียมวัน โทร. 082-162-5359
  • สาขา MRT รัชดา โทร. 081-141-9255
  • สาขาบางนา โทร. 063-090-7888
  • สาขานครปฐม โทร. 063-079-9000