ดอกพุทธรักษา เป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี โดยถูกพบครั้งแรกหมู่เกาะเวสอินดี้ แถบอเมริกาใต้ ก่อนที่จะถูกพัฒนาและขยายพันธุ์มาเรื่อย ๆ ทั้งในยุโรปและเอเชีย โดยดอกพุทธรักษาสามารถปรับตัวให้ทนต่อสภาพอากาศต่าง ๆ ได้ สำหรับในประเทศไทยนั้นแม้จะไม่มีบันทึกไว้ว่าใครเป็นผู้ตั้งชื่อดอกไม้สีเหลืองชนิดนี้ แต่ต้นพุทธรักษาก็เป็นพรรณไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และปลูกกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นดอกไม้ที่ปลูกง่าย และมีความสวยงามอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังใช้เป็นสัญลักษณ์ดอกไม้ในวันพ่อ 5 ธันวาคม อีกด้วย
รู้จัก “ดอกพุทธรักษา” – ความหมายของ “ดอกไม้วันพ่อ”
ต้นพุทธรักษา มีชื่อเรียกอื่นว่า พุทธศร
ต้นพุทธรักษา มีชื่อเรียกอื่นว่า พุทธศร หรือ บัวละวงศ์ เป็นพืชในวงศ์ CANNACEAE ชื่อสามัญ Canna, Indian shoot และชื่อวิทยาศาสตร์คือ Canna generalis เป็นพรรณไม้ล้มลุก เนื้ออ่อนอวบน้ำ ลำต้นมีความสูงประมาณ 1–2 เมตร โดยมีเหง้าอยู่ใต้ดิน และเจริญเติบโดด้วยการแตกหน่อ มีใบสีเขียวลักษณะเรียวแหลม ออกดอกได้หลายสี ทั้งสีเหลือง สีแดง สีแสด สีชมพู สีขาว ซึ่งจะออกดอกเป็นช่อ ๆ ช่อละ 8-10 ดอก ความยาวดอกประมาณ 15-20 เซนติเมตร มีกลีบดอก 3 กลีบ หากบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 8-10 เซนติเมตร และออกดอกตลอดทั้งปี
ความหมายของดอกพุทธรักษา ทำไมถึงใช้เป็น “ดอกไม้วันพ่อ”
เนื่องจาก ดอกพุทธรักษา มีสีเหลืองสวยงาม ซึ่งตรงกับสีของวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 (วันจันทร์) รวมทั้งเป็นไม้มงคลที่คนไทยเชื่อกันว่าเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าที่คอยคุ้มครอง ปกปักรักษาให้มีความสงบสุข ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ และรอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวงได้
โดยสรุปแล้ว “พุทธรักษา” มีความหมายในแบบชาวพุทธ คือ “พระคุ้มครอง” หมายถึงพระพุทธเจ้าคอยปกป้องคุ้มครอง ดังนั้นดอกพุทธรักษาจึงเป็น “ดอกไม้วันพ่อ” ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเป็นอย่างดี ที่จะใช้เป็นตัวแทนในการมอบความเคารพบูชาให้กับพ่อ และอวยพรให้พ่อได้มีการคุ้มครองปกป้องอย่างสงบสุขร่มเย็น โดยไม่มีอันตรายใด ๆ นั่นเอง
นอกจากนี้ตามความเชื่อโบราณยังเชื่ออีกว่า ควรปลูกพุทธรักษาในวันพุธ เพราะการปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางดอกให้ปลูกในวันพุธ เพื่อต้นไม้นั้นจะได้ออกดอกบานสะพรั่งอยู่เสมอและเป็นสิริมงคล ส่งเสริมดวงชะตาให้ผู้ปลูกเจริญรุ่งโรจน์ และควรปลูกต้นพุทธรักษาไว้ทางทิศตะวันตก จะได้คอยปกป้องคุ้มครองครอบครัวให้แคล้วคลาดจากเรื่องไม่ดี
ด้านคุณประโยชน์ พุทธรักษา
ในไทยนิยมนำหัวพุทธรักษามาต้ม แล้วทานเพื่อบำรุงปอด แก้อาเจียน หรือไอเป็นเลือด นอกจากนี้ดอกของพุทธรักษายังนิยมนำมาห้ามเลือด รักษาแผลที่มีหนองด้วย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกในส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่ใบ ดอก เหง้า และเมล็ด
ใบ : ใช้เป็นยาช่วยแก้อาเจียน ช่วยแก้อาการจุกเสียด แก้ท้องเสีย
ดอก : เป็นยาช่วยสงบจิต ทำให้หัวใจสดชื่น ยาขับพิษร้อน ขับน้ำชื้นในร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิต
เหง้า : เป็นยาขับเหงื่อ ขับปัสสาวะในอาการไข้และอาการบวมน้ำ แก้วัณโรค แก้อาการไอ ยาแก้อาเจียนเป็นเลือด กระอักเลือด และไอมีเลือด ช่วยแก้อาการปวดฟัน ยาบำรุงปอด ยาแก้อาการท้องร่วง ช่วยแก้โรคบิด บิด
เรื้อรัง ช่วยแก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ ช่วยแก้อาการตกขาวของสตรี ช่วยแก้โรคตับอักเสบ แก้ตับอักเสบติดเชื้อ ตับอักเสบอย่างเฉียบพลันแบบดีซ่าน มีอาการตัวเหลือง
เมล็ด : เป็นยาแก้อาการปวดศีรษะ
ขอบคุณที่มาจาก : mgronline.com, doctor.or.th