ช่วงนี้ใครๆ ก็ชอบกินทุเรียน ตั้งแต่ทุเรียนปกติไปจนถึง ไอศครีมทุเรียน บิงซูทุเรียน เค้กทุเรียน ฯลฯ แต่ก็ควรกินแต่พอประมาณ เพราะทุเรียนมีแคลอรีสูง มีฤทธิ์ร้อน เวลาจะกินก็ต้องระวังไม่กินกับของที่มีฤทธิ์ร้อน เช่น แอลกอฮอลล์
ทุเรียนเทศ หรือ ทุเรียนน้ำ
แต่ถ้าใครเบื่อทุเรียนแล้ว วันนี้แคมปัส-สตาร์ ขอแนะนำ “ทุเรียนเทศ” หรือ ภาษาใต้เรียกว่า “ทุเรียนน้ำ” ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ และสามารถกินได้ทุกเพศทุกวัย
ทุเรียนเทศ ไม่ใช่ ทุเรียน !!!
ทุเรียนเทศ หรือทุเรียนน้ำ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Annona muricata L. อยู่ในวงศ์เดียวกับน้อยหน่า แต่คนละสปีชีส์ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินโดนีเซีย เปลือกของทุเรียนเทศมีสีเขียว มีหนาม (ลักษณะคล้ายเปลือกทุเรียน) มีเม็ดลักษณะคล้ายเม็ดละมุด เนื้อด้านในมีสีขาว รสชาติจะเปรี้ยวๆ หวานๆ แต่ถ้าผลสุก รสชาติจะคล้ายกับมะม่วงเขียวเสวย
ทุเรียนเทศ ปลูกมากในแถบอเมริกากลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบมากในประเทศมาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไทย อินโดนีเซีย เป็นต้น ในประเทศไทย ทุเรียนเทศไม่ได้รับความนิยมหรือเห็นความสำคัญมากนัก เพราะหน้าตาและชื่อที่ไม่คุ้นเลย ประกอบกับการแข่งขันของผลไม้อื่นๆ ในท้องตลาดอีกด้วย
โดยปกติแล้วเราจะกินทุเรียนเทศเป็นผลไม้สด หรือสามารถนำมาแปรรูปได้ เช่น ผลไม้กวน เยลลี่ ไอศกรีมและซอส ในประเทศมาเลเซียมีการนำไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้กระป๋อง ในเวียดนามนิยมแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ปั่น หรือในไทยจะนำมาประกอบอาหาร เช่น แกงส้มและเชื่อม (แถบภาคใต้)
ประโยชน์
ทุเรียนเทศ มีคาร์โบไฮเดรตสูง โดยเฉพาะน้ำตาลฟรุกโทส และยังมีวิตามินบีและวิตามินซี มีหลายส่วนที่สามารถนำมาใช้เป็นยา รักษาอาการต่างๆ ได้ ดังนี้
- สารสกัดจากส่วนของใบ เมล็ดและลำต้น มีฤทธิ์ในการต่อต้านไวรัสและเซลล์มะเร็ง (งานวิจัยในอเมริกา)
- ช่วยเพิ่มน้ำนม ในหญิงให้นมบุตร
- นำใบมาชงดื่ม ช่วยทำให้นอนหลับสบาย
- ใบของทุเรียนเทศ สามารถนำมาใช้เป็นยาระงับประสาทได้
- รากและเปลือกนำมาทำเป็นชาชงดื่มแก้อาการเครียด ช่วยลดอาการเจ็บปวดและลดการเกร็ง
- ผลสุกช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
- ผลดิบใช้รับประทานเพื่อรักษาโรคบิด
- เมล็ดนำมาใช้ในการช่วยสมานแผลและห้ามเลือด
- น้ำสกัดจากเนื้อยังช่วยในการขับพยาธิได้
- เมล็ดของทุเรียนเทศมีพิษ จึงนำมาใช้ทำยาเบื่อและยาฆ่าแมลง
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก th.wikipedia.org, medthai.com, natres.psu.ac.th