บีม-กวี ตันจรารักษ์ หนึ่งในสมาชิกบอยแบนด์ดังในตำนาน D2B ที่ยังเป็นขวัญใจแฟน ๆ ในยุคนั้นจนมาถึงในยุคนี้ แม้วงดีทูบีจะกลายเป็นเพียงตำนาน เพราะสมาชิกหนึ่งคน บิ๊ก-ปาณรวัฐ กิตติกรเจริญ ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่สมาชิกที่ยังคงอยู่อย่าง บีม กวี และแดน วรเวช ยังคงเป็นดาวประดับวงการมอบสีสันความสนุก สร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ออกมาอยู่ตลอด อย่างบีมเองปัจจุบันนอกจากจะเป็นคุณพ่อลูกแฝดแล้ว ก็ยังมีผลงานด้านการแสดงออกมาให้ได้รับชมกันมากขึ้น ล่าสุด! ผลงานเรื่อง เกมรัก.เอา.คืน ร่วมแสดงกับ นุ่น วรนุช, จอร์จ เวอาห์ ฯล ก็กำลังเป็นกระแสพูดถึงอย่างมาก ในบทความนี้มีประวัติ บีม กวี มาให้ได้อ่านกัน
10 เรื่องเกี่ยวกับ บีม-กวี (บีม D2B)
1. บีม กวี เดิมมีชื่อว่า ระวี
“กวี ตันจรารักษ์” หรือ “บีม” เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 ปัจจุบันอายุ 39 ปี เดิมเขามีชื่อว่า “ระวี” มีความหมายว่า ยามบ่าย ตามเวลาเกิด ภายหลังตอนเรียนในระดับมัธยมศึกษาได้เปลี่ยนชื่อเป็น กวี โดยเขาเป็นบุตรชายคนโตของ นายวีระศักดิ์และนางเกตน์นิภา ตันจรารักษ์ มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน (ชาย 3 คน และหญิง 1 คน) มีน้องสาวชื่อ บัว-สโรชา ตันจรารักษ์ เป็นนักร้องและนักแสดงเหมือนบีม
2. ดีกรีบัณฑิต ป.โท
บีมเข้าเรียน อนุบาลปีที่ 1-3 ที่โรงเรียนสมบูรณ์วิทยา, ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ, ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ที่โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว, ประกาศนียบัตรวิชาชีพโรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมัน วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, ระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมเครื่องกล จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ศึกษาด้านภาษาอังกฤษ ที่ Queensland College Of English (QCE) 6 เดือน และระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต หลักสูตร MBA English Program จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
** ในช่วงที่บีมเรียนตอนระดับปริญญาตรี เป็นช่วงที่เขาเริ่มเข้าวงการแล้ว ก็ต้องทั้งทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แต่ก็ยังสามารถเรียนจบวิศวกรรมเครื่องกลภายใน 4 ปี ได้ แฟน ๆ หลายคนชื่นชมว่าเขาสามารถแบ่งเวลาได้ดีเยี่ยมและมองบีมเป็นไอดอลในเรื่องการเรียนด้วย**
** นอกจากนี้สำหรับเรื่องการเรียนภาษาที่ต่างประเทศบีมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า : “เรียนภาษาอังกฤษเมืองไทยกับต่างประเทศ ผมมองว่ามีความแตกต่างกัน เพราะเราไปอยู่ต่างประเทศเราจะได้มากกว่า คือ เรื่องความมั่นใจ ที่สำคัญคือเรื่องของการเรียนรู้ประเพณี วัฒนธรรมที่แท้จริง เพราะเราได้ไปอยู่ร่วมกับกิจกรรม หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ของประเทศเค้า นอกจากนี้เราจะได้อยู่ด้วยตัวเองจริง ๆ ซักผ้า รีดผ้า เดินทาง อาหารการกิน เราต้องทำเองจริง ๆ ” อ้างอิงจาก moe
3. เริ่มเข้าวงการตอนเรียน ปี 2
ก่อนเรียนมหาลัยบีมเคยถูกชักชวนเข้าวงการบันเทิง แต่มาเริ่มเข้าสู่วงการจริง ๆ ก็ตอนเรียนอยู่ปี 2 ที่จุฬาฯ จากผลงานการถ่ายแบบและงานโฆษณา โดยในปี 2542 ได้เซ็นต์สัญญากับอาร์เอส โปรโมชั่น จากนั้นก็มีผลงานในสังกัดออกมาให้เห็น ทั้งถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณาครั้งแรก (ขนมข้าวโพดอบกรอบ ตราคอนเน่), คอรัสเพลง (“เล่นอะไรก็ไม่รู้…บ้า” และ “ไปโรงเรียนสาย” กับศิลปิน อนัน อันวา), แสดงมิวสิควิดีโอ (เธอรักฉันรู้”กับศิลปิน นภัสสร บุรณศิริ) และแสดงภาพยนตร์ (๙ พระคุ้มครอง) ก่อนจะเปิดตัวในฐานะหนึ่งในสมาชิกวง “D2B (ดีทูบี)
4. เปิดตัวในฐานะสมาชิกวง D2B ประสบความสำเร็จโด่งดังมาก
ในปี พ.ศ. 2544 บีมได้เปิดตัวในฐานะหนึ่งในสมาชิกวง “D2B (ดีทูบี)” ร่วมกับ “บิ๊ก-อภิเชษฐ์ กิตติกรเจริญ” และ “แดน-วรเวช ดานุวงศ์” ในอัลบั้มชื่อ “D2B” พวกเขาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ได้รับรางวัลสูงสุดคือ รางวัลศิลปินกลุ่มยอดนิยม จาก “MTV Asia Award 2003” ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ จากชื่อเสียงและความสำเร็จเหล่านี้ ทำให้สมาชิกวงดีทูบีทั้งสามคนต่างได้มีโอกาสทำงานบันเทิงด้านอื่นๆ ทั้งงานการแสดงละคร งานการแสดงภาพยนตร์ และงานโฆษณา ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงแทบทั้งสิ้น
5. ผลงานแจ้งเกิดในฐานะนักแสดง Sexphone / คลื่นเหงา / สาวข้างบ้าน
โดยผลงานหนึ่งในนั้นของบีมที่เป็นที่พูดถึง คือ การแสดงภาพยนตร์ในบท ดื้อ จากภาพยนตร์เรื่อง Sexphone / คลื่นเหงา / สาวข้างบ้าน ประกบคู่กับ พอลล่า เทเลอร์ เป็นภาพยนตคร์แนวรักโรแมนติกที่ขึ้นทำเนียบหนังรักคลาสสิคของไทยที่ยังคงประทับใจแฟน ๆ มาจนถึงทุกวันนี้ มีประโยคคำคม “ความรักก็เหมือนคลื่นวิทยุ ต้องหา ต้องปรับ ต้องจูนกันอยู่เสมอ… อีกทั้งเคมีที่เข้ากันของพอลล่าและบีม รวมไปจนถึงเพลงประกอบ อยากให้รู้ว่ารักเธอ ก็ยังมีคนเข้าไปคลิกฟังกันอยู่ถึงปัจจุบัน และถือว่าเป็นการแจ้งเกิดของบีมในฐานะนักแสดงด้วย
6. D2B กลายเป็นตำนาน บิ๊กประสบอุบัติเหตุ บีมบวชและไปเรียนต่อต่างประเทศ
กระทั่งวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 บิ๊กประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา (วันที่บิ๊กเสียชีวิตคือ 9 ธันวาคม 2550) บีมได้อุปสมบทที่วัดสุภัททะบรรพต (วัดมาบจันทร์) จังหวัดระยอง ในวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2546 เพื่อทดแทนพระคุณบิดามารดาและอุทิศส่วนกุศลให้บิ๊ก ได้รับฉายาว่า “พระกวี อภิปุณโณ” แปลว่า ผู้เพียบพร้อมบริบูรณ์ ภายหลังลาสิกขา บีมและแดนได้ร่วมกันทำ “D2B Neverending Album Tribute to Big D2B” และแสดงคอนเสิร์ตที่มีชื่อเดียวกันนี้ เพื่อมอบรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลแก่บิ๊ก ก่อนที่บีมจะเดินทางไปประเทศออสเตรเลียเพื่อศึกษาทางด้านภาษาอังกฤษเป็นเวลา 6 เดือน
7. กลับมาเป็นศิลปินอีกครั้ง ในฐานะนักร้องดูโอ “Dan-Beam”
ในปี พ.ศ. 2548 แดนและบีมกลับมามีผลงานร่วมกันอีกครั้งในฐานะนักร้องดูโอ “Dan-Beam” ในอัลบั้ม “The Album” ได้รับกระแสตอบรับดี ในช่วงนี้ทั้งคู่ต่างมีผลงานด้านการแสดงมากมายและเป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยว “Dan-Beam The Series” หลังมีผลงานเพลงร่วมกันทั้งหมด 4 อัลบั้ม โดยอัลบั้มพิเศษ “DB2B” เป็นอัลบั้มส่งท้ายเพื่อมอบรายได้ให้แก่ครอบครัวของบิ๊ก
จากนั้นแดนและบีมก็ได้ประกาศแยกวงในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 บีมมีผลงานเพลงอัลบั้มเดี่ยว “Beam” ออกมาด้วย อย่างไรก็ตาม บีมและแดนยังคงมีผลงานร่วมกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะผลงานในนามดีทูบี เช่น คอนเสิร์ต “คิดถึง D2B Live Concert 2014” และ “มหัศจรรย์ … ความคิดถึง D2B Encore Concert 2015” ล่าสุด! เมื่อไม่นานมานี้ D2B Infinity Concert 2019 ในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 บัตรขายหมดตั้งแต่ประกาศไม่กี่นาที!!
8. ทูต WWF คนแรกของประเทศไทย
บีม เคยได้ได้รับการแต่งเป็นทูต WWF คนแรกของประเทศไทย ติดต่อกันเป็นเวลาถึง 3 ปี ระหว่างได้รับตำแหน่งนี้ได้ร่วมกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากมาย เช่น Earth Hour เป็นต้น นอกจากนี้บีมยังได้รับเลือกจากสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติให้เป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลโล่ห์พระราชทาน TIECA Bright Idol 2009 จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปี พ.ศ. 2552 อีกด้วย หลังจากหมดสัญญากับอาร์เอส โปรโมชั่นในปี พ.ศ. 2553 บีมห่างหายไปจากวงการเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เพื่อดูแลกิจการบริษัทด้านธุรกิจนำเที่ยว Trip Buster ซึ่งบีมได้ก่อตั้งขึ้นก่อนหมดสัญญาไม่นาน โดยได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากการได้เดินทางไปยังต่างประเทศเพื่อทำรายการ Dan-Beam The Series และต่อมาบริษัทได้ปิดตัวลงจากปัญหาภายในบริษัท
9. ด้านความรัก คบแฟนสาวนอกวงการ 13 ปี จึงแต่งงาน
ในวันเกิดปีที่ 35 บีมได้ขอแฟนสาว “ออย-อฏิพรณ์ จิตต์ธรรมวงศ์” แต่งงาน หลังจากคบหาดูใจกันมานานถึง 13 ปี ซึ่งงานมงคงสมรสของทั้งคู่มีขึ้นในวันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559 มูลค่าสินสอดทางบ่าวสาวไม่ขอเปิดเผย ส่วนแหวนเพชร 4.88 กะรัต หลังจากแต่งงานเจ้าสาวย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนหอที่เจ้าบ่าวตั้งใจสร้าง มูลค่ากว่า 20 ล้าน
10. คุณพ่อลูกแฝดและคุณลุงหลานแฝด
ปัจจุบัน บีม มีบุตรชายฝาแฝด ชื่อน้องธีร์ ธีร์ทองธรรม และน้องพีร์ พีร์ทองธรรม ตันจรารักษ์ ซึ่งคลอดเมื่อวันที่12 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ก่อนหน้าที่ลูกเขาจะคลอด น้องสาวของบีม บัว-สโรชา ก็ได้คลอดบุตรแฝดด้วยเช่นกัน ทำให้ปัจจุบันบีมเป็นทั้งคุณพ่อลูกแฝดและคุณลุงลูกแฝดเลย
ปัจจุบันเป็นศิลปินและนักแสดงอิสระ
บีมกลับมารับงานบันเทิงเต็มตัวอีกครั้งตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2554 ด้วยผลงานภาพยนตร์เรื่อง “ส.ค.ส. สวีทตี้” และซีรีส์ “บำบัดรักบำรุงสุข (Love Therapy)” ในฐานะศิลปินอิสระ ทำให้ปัจจุบันมีผลงานบันเทิงร่วมกับหลากหลายสังกัดปัจจุบัน ผลงานล่าสุดกับทางช่อง GMM25 ในเรื่อง เกมรักเอาคืน ร่วมแสดงนำกับ นุ่น วรนุช, แพท ณปภา และ จอร์จ เวอาห์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเปิดยูทูบของตัวเองด้วยชื่อ Beam-Oil Channel
อัลบั้มภาพ 30 ภาพ
ภาพจาก : อินสตาแกรม beamkawee