ย้อนเส้นทาง ฮันบิน ไอดอลนักแต่งเพลงมือฉมัง ของวงการเพลงเกาหลีใต้

กลายเป็นประเด็นใหญ่อีกครั้งของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ หลังจากที่สำนักข่าวชื่อดังอย่าง DISPATCH รายงานว่า ไอดอลหนุ่ม คิม ฮันบิน (Kim Han Bin) หรือ BI ลีดเดอร์วง iKON (อดีตสมาชิก) ค่าย YG Entertainment มีความเกี่ยวข้องในคดีการจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ในช่วงปี 2016 ที่ผ่านมา โดยเขาพยายามที่จะซื้อกัญยา และ LSD

ฮันบิน ความสามารถรอบด้าน แร็ปเปอร์ นักร้อง นักออกแบบท่าเต้น

หลังจากนั้นทางต้นสังกัด YG Ent. ได้ออกมาตอบโต้ถึงรายงานข่าวดังกล่าวว่า “YG จัดการเกี่ยวกับเรื่องการใช้ยาเสพติดของศิลปินอย่างเข้มงวด และ BI ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดเมื่อปี 2016 โดยทางบริษัทได้ซื้อชุดตรวจยาเสพติดพื้นฐานมาทุก ๆ 2 เดือนจากประเทศสหรัฐอเมริกา และทำการตรวจสอบการใช้ยาของศิลปินในบริษัทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวง iKON ก็ได้เข้ารับการตรวจปัสสาวะก่อนที่จะโปรโมทอัลบั้มใหม่ที่ผ่านมา และผลที่ออกมาก็คือ ไม่มีสมาชิกในวงคนใดมีผลการตรวจที่เป็นค่าบวก”

โดยในช่วงบ่ายของวันที่ 12 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา หนุ่มฮันบิน หรือ บีไอ (BI) iKON ได้โพสต์ภาพจดหมายผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยมีใจความสำคัญว่า…

“คิมฮันบินนะครับ ก่อนอื่น ผมต้องขออภัยกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการกระทำที่ไม่เหมาะสมของผม เป็นความจริงที่ครั้งหนึ่งช่วงที่ผมทุกข์ใจ ผมเคยต้องการที่จะพึ่งพาในสิ่งที่ผมไม่ควรจะสนใจเลย #แต่สุดท้ายผมหวาดกลัวเกินไปเลยไม่ได้ลองมัน อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกละอายใจและรู้สึกผิดต่อพวกคุณและทีมของผมที่ต้องผิดหวังและเจ็บปวดเพราะการกระทำที่ผิดพลาดของผม ผมขอยอมรับผิดและต้องการถอนตัวออกจากทีม ผมขอโทษแฟนคลับและสมาชิกอีกครั้งสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น ขอโทษครับ”

ภาพจดหมายของหนุ่มฮันบินที่โพสต์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว แปลโดย FB : 567 K Zone

ซึ่งในเวลาต่อมาทางต้นสังกัด YG Ent. ได้ออกมาประกาศว่า “ฮันบิน หรือ BI iKON ได้ออกจากวง และยกเลิกสัญญาของเขากับบริษัทแล้ว” โดยทางต้นสังกัดได้กล่าวขอโทษทุกคนที่ผิดหวังกับข่าววันนี้ บีไอต้องการแสดงความรับผิดชอบอย่างมากกับการกระทำของตนเอง ทางบริษัทยอมรับการตัดสินใจของเขา จึงได้ทำการยกเลิกสัญญา

ทั้งนี้ ฮันบินไม่ได้ใช้สารเสพติด เพียงแค่เคยคิดอยากจะลองเท่านั้น แต่เขาติดสินใจที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของเขาในอดีต ถือได้ว่าเป็นข่าวที่ทำให้ชาว iKONIC ต่างเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้เราก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจของหนุ่มฮันบิน และคอยเป็นกำลังใจให้เขากันต่อไป ส่วนเส้นทางในสายบันเทิงนี้จะเป็นอย่างไร เราคงต้องรอติดตามกันต่อไปค่ะ

และในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ จะพาทุกคนย้อนไปดูความสามารถของหนุ่มฮันบินกันค่ะ เพราะนอกจากเขาจะเป็นแร็ปเปอร์-นักร้องแล้ว เขายังเป็นไอดอลนักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์เพลง ที่มีผลงานเพลงประสบความสำเร็จมากที่สุด มีเพลงฮิตติดลมบนมากมาย และกลายเป็นศิลปินเกาหลีใต้ที่ได้ค่าลิขสิทธิ์จากการแต่งเพลงมากที่สุดอีกหนึ่งของเกาหลีใต้

เส้นทางการเป็นไอดอลมากความสามารถ

สำหรับ ฮันบิน เริ่มเป็นที่รู้จักจากการเข้าร่วมการแร็ปกับศิลปินเกาหลี MC Mong ในเพลง Indain boy และจากเข้าร่วมการแร็ปในครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับฉายาว่า จีดราก้อน 2 เพราะมีโทนเสียงและสไตล์การแร็ปที่คล้ายกัน จากนั้นเขาได้เข้ามาเป็นเด็กฝีกในค่าย YG Entertainment ตอนอายุ 15 ปี และก็ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการ WIN: Who Is Next, SMTM 3 และ Mix & Match

จนในที่สุดเขาก็ได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการกับวง iKON โดยเขามีตำแหน่งเป็นลีดเดอร์ แร็ปเปอร์ ซึ่งสมาชิกในวง iKON ประกอบด้วย จินฮวาน, ยุนฮยอง, บ็อบบี้, ดงฮยอก, จุนฮเว, ชานอู และบีไอ หรือ ฮันบิน (อดีตสมาชิก)

สมาชิกวง iKON

ไอดอลนักแต่งเพลง

หนุ่มฮันบิน เป็นที่จับตามองมาตั้งแต่ก่อนที่จะเดบิวต์ด้วยทักษะการแร็ปและการแต่งเพลงที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยได้มีการแต่งเพลงให้กับศิลปินหลายคนด้วยกัน (รวมถึงเพลงของวง iKON ด้วย) ซึ่งแต่ละเพลงที่หนุ่มฮันบินแต่งออกมานั้นก็ยังดังมาก ๆ อีกด้วย เช่น เพลง My Type ของ iKON, เพลง Love Scenario ของ iKON, เพลง Empty ของ Winner และเพลง Whistle ของ Blackpink เป็นต้น

โดยเพลง Love Scenario ที่ปล่อยออกมาเมื่อช่วงปี 2018 ก็เป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอีกหนึ่งเพลงที่เขาได้แต่งออกมาเลย ซึ่งเพลงนี้ยังได้รับรางวัล Song of the Year และรางวัล Best Song Writer Award ในงาน Melon Music Awards 2018 และยังสามารถทำรายสถิติขึ้นไปเป็น Perfect All Kill (ได้ที่ 1 ทั้งรายชั่วโมง รายวัน และรายสัปดาห์ บนชาร์ตเกาหลีได้ทุกชาร์ต) จำนวนชั่วโมงมากที่สุด 159 ชั่วโมง (ข้อมูลถึงวันที่ 1 มีนาคม 2561)

จากความสำเร็จนี้ ก็ทำให้หนุ่มฮันบินกลายเป็นไอดอลนักแต่งเพลงที่รับค่าลิขสิทธิ์จากการแต่งเพลงมากที่สุดในปี 2018 และไม่ว่าหนุ่มฮันบินจะไปออกรายการไหน ทุกรายการก็ต้องพูดเรื่องเพลงและรายได้ของเขาจากค่าลิขสิทธิ์เพลงอยู่ตลอด โดยเขาเคยเปิดเผยที่รายการ Problematic Men ว่า “รายได้ของเขาที่ได้รับในแต่ละเดือนจากค่าลิขสิทธิ์เพลงสามารถซื้อรถได้ถึง 2 คัน แต่ละเดือนรายได้จะไม่เท่ากัน”