ประเทศไทย อาจไม่ใช่ประเทศที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุด แต่เราก็มีอาหารที่อร่อยที่สุด ผู้คนที่ใจดี(มั้ง?)ที่สุด ภาษาที่ยากที่สุดสำหรับชาวต่างชาติ(เกี่ยวมั้ย?) แล้วอะไรล่ะ จะทำให้ประเทศของเราสามารถเรียกได้ว่า มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด สำหรับประชากรของประเทศเองได้?
ในการจัดอันดับประเทศที่มีคุณภาพดีที่สุด มีหลายองค์ประกอบที่เป็นตัวชี้วัด อย่างหนึ่งคือเรื่องของรายได้ของประชากร เพราะในปัจจุบัน ทุกคนต่างทำงานเพื่อให้ได้เงินมากที่สุด ในเวลาทำงานที่น้อยที่สุดและสภาพการทำงานที่สบายที่สุด อาจไม่ใช่สิ่งที่ชี้วัดคุณภาพชีวิตได้ถูกต้องนัก แต่ก็เป็นหนึ่งในตัวเลขที่เห็นชัดเจนที่สุด ว่าผู้คนสามารถมี “โอกาส” ในการนำรายได้ที่มากเท่านั้น ไปพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ในทางวัตถุ
10 ประเทศ ที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก
วันนี้ Jetradar เว็บ/แอป ค้นหาและจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกที่สุดจากสายการบินกว่า 1,000 สายทั่วโลก จึงขอลิสต์รายชื่อประเทศที่ว่ากันว่า “คุณภาพชีวิตดี” มาให้ได้ดูกัน ที่อาจทำให้คุณเข้าใจได้ง่ายขึ้นถึงนิยามคำว่า “คุณภาพชีวิตที่ดี” ต้องเป็นยังไง มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
1. เยอรมัน
แม้เยอรมันจะมีความหนาแน่นของจำนวนประชากรมากพอสมควร ถ้าเทียบกับประเทศยักษ์ใหญ่ที่มีพื้นที่มหาศาลอย่างอเมริกาหรือรัสเซีย แต่ที่นี่ ตลาดแรงงานไม่เคยว่าง คนท้องถิ่นชาวเยอรมันได้งานดี คนต่างด้าวก็มีงานทำ เยอรมันเลยมีอัตราการว่างงานที่ต่ำ และมี ecosystem ที่น่าลงทุนเป็นอย่างยิ่งตามทัศนคติของนักลุงทุน อุตสาหกรรมที่มีพื้นฐานดี กอปรกับเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เยอรมัน กลายเป็นตลาดที่มีผลผลิตมวลรวมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
รวมทั้งคนเยอรมันยังได้สวัสดิการสังคมจากรัฐ 100% เมื่อเกษียณอายุ มีบำนาญให้ ไม่ต้องตกระกำลำบาก นอกจากเรื่องของธุรกิจ ด้านผู้คนเยอรมันก็มีความเป็นมิตร วัฒนธรรมและความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ก็ไม่น้อยหน้าชาติใดๆในโลก โดยเฉพาะด้านวิชาการ เลยกลายเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ผู้คนนิยมเดินทางมาศึกษาต่อ และถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างของเยอรมัน
รายได้เฉลี่ยต่อประชากร: 1,607,000 บาท/ปี หรือ 133,916 บาท/เดือน
2. แคนาดา
แคนาดามาเป็นอันดับสองเนื่องมาจากการที่ประเทศกว้างใหญ่ ทรัพยากรมากมาย จึงต้องการแรงงานต่างชาติเป็นจำนวนมาก ทำให้คนต่างชาติมีโอกาสอพยพไปอยู่ที่แคนาดาและสร้างรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำเป็นแชมป์
นอกจากนี้ ผู้คนก็มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อัธยาศัยดี เฟรนด์ลี่และมีมารยาทมากๆ รวมทั้งรู้จักขออภัย ถึงชายแดนจะติดกับอเมริกา แต่ผู้คนแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทางวัตถุแล้ว คุณภาพโดยรวมดีหมดแทบทุกด้าน ทั้งสวัสดิการสังคม การศึกษา การแพทย์ ความปลอดภัยในสังคม ซึ่งภาครัฐให้ความใส่ใจ และตรึงราคาไม่ให้สินค้ามีราคาสูงมากเกินไป ถ้าทำงานที่นั่นสัปดาห์เดียว คุณยังได้เงินเยอะกว่าทำงานในไทยแรมเดือนเลยทีเดียว
รายได้เฉลี่ยต่อประชากร : 1,570,000 บาท/ปี หรือ 130,833 บาท/เดือน
3. สหราชอาณาจักรอังกฤษ
แน่นอน อังกฤษคือมหาอำนาจทางเศรษฐกิจมาแต่ไหนแต่ไร เป็นเจ้าของเขตเศรษฐกิจแทบจะทั่วทุกหัวมุมโลก ตั้งแต่ในสมัยล่าอาณานิคม ที่อังกฤษมีสินค้าส่งออก-นำเข้ามากมาย โดยเฉพาะผ้าทอ ชา ยาสูบ เครื่องเทศ ส่งตลาดผู้ดีชั้นสูงทั่วยุโรป ปัจจุบัน อังกฤษก็ยังคงเป็นศูนย์รวมตลาดการค้าและการลงทุนที่สำคัญ ทั้งปิโตรเลียม ทั้งตลาดหุ้น ทั้งการเงินการธนาคาร ทั้งการส่งออกหรือโลจิสติกส์ ดังนั้น คนที่เก่งและมีความสามารถ มีโอกาสได้รับงานทำ และมีคุณภาพชีวิตดีที่นี่ นอกจากนี้ ประวัติศาสตร์ของประเทศอังกฤษก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อังกฤษโดดเด่นและน่าอยู่อาศัย อังกฤษยังมีชื่อเสียงในเรื่องวิชาการอีกด้วย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง เคมบริดจ์ อ็อซฟอร์ด หรือ Imperial College of London ฯลฯ เรียกว่าถ้าวางแผนดีๆ สามารถเรียนจบและหางานทำต่อที่นี่ได้สบายๆ
รายได้เฉลี่ยต่อประชากร : 1,383,000 บาท/ปี หรือ 115,250 บาท/เดือน
4. สวีเดน
หากคุณใฝ่หาเสรีภาพทุกตารางนิ้ว สวีเดน อาจจะเป็นประเทศแม่แบบที่คุณควรเรียนรู้ สวีเดนให้ความสำคัญเรื่องเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยทุกคนจะต้องได้รับความเสมอภาคเท่าเทียมกันเสมอ ดังนั้น สวัสดิการสังคมจากรัฐ ทุกคนจะต้องมีสิทธิได้รับและเข้าถึงสิทธิของตัวเองเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะได้เงินเดือนสูงหรือต่ำ เป็นนายกฯ หรือคนกวาดถนน แน่นอนว่า การที่รัฐดูแลประชาชนอย่างดี ก็ได้มาจากการที่ประชาชนรู้จักหน้าที่และยอมให้เก็บภาษีแพงเช่นกัน สุดท้าย ก็คุ้มกับการที่รัฐช่วยทำให้ประชาชนมีความเสมอภาค ไม่เกิดความแตกต่างระหว่างคนรวยและคนจนมากเกินไป สาธารณูปโภค ทุกอย่างฟรี โรงเรียนเรียนฟรี
และที่สำคัญ ประเทศนี้รักษาสิ่งแวดล้อมมากๆ ตัดต้นไม้หนึ่งต้น ปลูกต้นใหม่แทนทันที บ้านเมืองบาลานซ์ระหว่างป่าและเมือง ไม่น่าแปลกที่ชาวสวีเดนอายุยืนมากที่สุดชาติหนึ่งในโลก เพราะอาหารดี สิ่งแวดล้อมดี ทุกอย่างก็จะดีสำหรับผู้คนที่จะมีคุณภาพชีวิต ขยะที่นี่ทุกอย่าง รีไซเคิลหมด จนกระทั่งต้องนำเข้าขยะจากประเทศอื่นเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้า
รายได้เฉลี่ยต่อประชากร : 1,610,000 บาท/ปี หรือ 134,166 บาท/เดือน
5. เดนมาร์ก
เดนมาร์กเป็นอีกประเทศที่รู้จักการอยู่อาศัยร่วมกันระหว่างป่าและเมือง ที่นี่มีทุกอย่าง ตั้งแต่ป่าธรรมชาติ หรือเขตเมืองแหล่งลงทุน ในสแกนดิเนเวีย ตลาดหุ้นของเดนมาร์กถือเป็นตลาดหุ้นที่สำคัญ เหมาะกับนักลงทุนต่างๆ รวมทั้งด้านอาหาร เดนมาร์กเป็นแหล่งผลิตอาหารชั้นนำของภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในด้านอาหารนม เทคโนโลยีชั้นแนวหน้าที่นำมาปรับใช้เพื่อพัฒนาพื้นฐานชีวิตประจำวันของคนทั่วไป
การวังผังเมืองอย่างชาญฉลาด อุตสาหกรรม การเกษตรสมัยใหม่ หรือวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล เป็นจุดเด่นที่ทำให้เดนมาร์กเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศในฐานะหนึ่งในประเทศต้นแบบแห่งการพัฒนาความสุขของประชาชน ซึ่งเมื่อทุกคนมีความสุข ทุกคนก็จะช่วยกันเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และรู้จักทำตามหน้าที่ของตัวเอง คนเดนมาร์กรู้จักใช้จ่าย ไม่ฟุ่มเฟือย ขนาดนายกฯ ของประเทศยังขี่จักรยานไปทำงาน จุดเด่นที่สำคัญของเดนมาร์กอีกอย่าง คือ ระบบการรักษาพยาบาลของรัฐที่ดีเยี่ยมและฟรี รวมทั้งมีมหาวิทยาลัยคุณภาพดีที่ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน
รายได้เฉลี่ยต่อประชากร : 1,552,000 บาท/ปี หรือ 129,333 บาท/เดือน
6. ออสเตรเลีย
ออสเตรเลียเป็นประเทศประหลาด เพราะว่ามีแนวการสร้างและขยายเมืองออกไปตามชายฝั่งมหาสมุทร ทำให้พื้นที่ตรงกลางประเทศ(หรือทวีปออสเตรเลีย) อันเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ไม่ค่อยมีใครจับจอง กลายเป็นพื้นที่สำหรับอุสาหกรรมเหมืองแร่และแร่ธาตุธรรมชาติต่างๆ ก็กลายเป็นทรัพยากรและสินค้าส่งออกอันดับต้นๆ ของออสเตรเลีย รวมทั้งด้านปศุสัตว์ ที่ออสเตรเลียกลายเป็นประเทศผู้นำด้านการส่งออกเนื้อแดงคุณภาพดี
เรียกว่า ออสเตรเลียมีครบ ทั้งชายหาดที่มากมายกว่าพันชายหาด ทะเลที่ใสสะอาด เป็นแหล่งปะการัง อาหารที่สะอาดและการอนุรักษ์ป่าธรรมชาติต้นน้ำลำธาร ที่สำคัญ ออสเตรเลียยังรวมคนจากทุกพื้นเพ ทุกเชื้อชาติ มาอาศัยรวมกันในประเทศเดียว ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการเหยียดผิว ดังนั้น คนต่างด้าวไม่มีปัญหาในการทำงานที่ออสเตรเลีย สำหรับคนไทย การเดินทางไปออสเตรเลียก็ไม่ยาก และมีสายการบินโลว์คอสต์มากมายให้เลือก ทั้ง สกู๊ต (Scoot), เจ็ทสตาร์ (Jetstar) หรือไทเกอร์แอร์ (Tigerair) ซึ่งราคาก็ไม่แตกต่างกันมาก เลือกบินได้ตามต้องการ
รายได้เฉลี่ยต่อประชากร : 1,625,000 บาท/ปี หรือ 135,416 บาท/เดือน
7.เนเธอร์แลนด์
เนเธอร์แลนด์ เป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีทางวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการชลประทานและการสร้างเมือง วางผังเมือง ให้สามารถตั้งอยู่บนพื้นที่ต่ำกว่าน้ำทะเลได้ คนที่ชอบขี่จักรยานเป็นชีวิตจิตใจ หรือชอบอาศัยอยู่ริมน้ำ
มาที่นี่จะได้บรรยากาศเมืองทันสมัย ที่มีคลองและแม่น้ำสายเล็กสายน้อยรายรอบ ล่องเรือ หรือขี่จักรยานชมเมืองได้ทุกวัน ดูบ้านทรงแคบๆ กับคลองเล็กๆ ทั่วเมือง คุณสามารถไปไหนมาไหนด้วยจักรยานได้อย่างสบาย เพราะมีเส้นทางสำหรับจักรยานรวมแล้วมากกว่า 20,000 ไมล์กับสะพานข้ามคลองกว่า 10,000 แห่ง ดอกทิวลิปมีให้ชมมากมายจนคุณพอใจ ถึงขนาดมีตลาดประมูลดอกไม้อีกด้วย ที่นี่ยังเหมาะกับคนที่ชอบเรื่องของศิลปะวัฒนธรรม เพราะที่นี่เป็นประเทศที่มีพิพิธภัณฑ์มากที่สุดในโลกอีกด้วย
รายได้เฉลี่ยต่อประชากร : 1,658,000 บาท/ปี หรือ 138,166 บาท/เดือน
8. นิวซีแลนด์
นิวซีแลนด์คือแหล่งส่งออกทรัพยากรทางธรรมชาติที่สะอาดอีกประเทศหนึ่ง ขึ้นชื่อเรื่องขนแกะ เนื้อสด นม หรือผลิตผลทางการเกษตรต่างๆ และไวน์ สำหรับคนที่ชอบเรื่องของธรรมชาติ ชอบความสงบ ชอบบรรยากาศเหมือนมาอยู่ในหนัง Lord of the Rings นี่คือประเทศที่จะทำให้คุณมีความสุขกับการอยู่ในป่าธรรมชาติมากที่สุด การรักษาสมดุลทางนิเวศวิทยา ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของประเทศ
ไม่น่าแปลกใจ ที่คนนิวซีแลนด์ก็ติดอันดับคนที่มีอายุยืนที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง นอกจากนี้ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ภาครัฐใส่ใจ และจะเห็นได้จากการที่นิวซีแลนด์ประกาศตัดขาด ไม่มีวันใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างเด็ดขาด ทำให้ผู้คนที่นี่มั่นใจได้ว่า ประเทศนี้ จะไม่มีมลภาวะที่เป็นอันตรายต่อชีวิตเป็นอันขาด
รายได้เฉลี่ยต่อประชากร : 1,231,000 บาท/ปี หรือ 102,583 บาท/เดือน
9. ออสเตรีย
ถ้าคุณไม่กลัวหนาว ชอบสกี และอยากอยู่บ้านริมทะเลสาบเหมือนกับอยู่ในนิยายปรัมปรา ออสเตรียคือประเทศแบบนั้น ที่นี่ เป็นทั้งศูนย์กลางทางการเงินอีกประเทศหนึ่งในภูมิภาค คุณภาพชีวิตของประชากรที่นี่อยู่ในระดับแนวหน้าของโลก ผู้คนไม่เคร่งเครียด และมีอัธยาศัยใจคอดีต่อคนต่างชาติ
ที่ออสเตรีย คุณอาจจะได้ฟังดนตรีคลาสสิคจนเบื่อไปข้างหนึ่ง เพราะเวียนนา คือ แหล่งกำเนิดนักประพันธ์เพลงชื่อก้องของโลกจำนวนมาก นอกจากนี้ ในด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ก็เป็นที่โดดเด่น โดยเฉพาะเรื่องของธุรกิจการเล่นสกีในฤดูหนาว ผู้คนชาวออสเตรียนใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่มีความเป็นระเบียบวินัยเป็นอย่างยิ่งเหมือนกับชาวเยอรมัน
รายได้เฉลี่ยต่อประชากร : 1,625,000 บาท/ปี หรือ135,416 บาท/เดือน
10. ลักเซมเบิร์ก
ประเทศลักเซมเบิร์ก คือ ประเทศที่มีความสงบมากถึงมากที่สุด จนคุณอาจจะคิดว่าคุณหลงมาอยู่บ้านนอกของฝรั่งเศสหรืออิตาลีหรือเปล่า ประเทศเล็กๆแบบนี้กับเนื้อที่แค่ 2,590 ตร.กม. และมีประชากรประเทศแค่ 5 แสนกว่าคน ไม่น่าเชื่อว่า กลับเป็นมหาอำนาจด้านการเงินของยุโรป ที่นี่คือศูนย์กลางการลงทุนกองทุนส่วนบุคคล หรือ private banking ที่เข้มแข็ง
และที่นี่ยังเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ๆจากประเทศฝรั่งเศส, เยอรมัน, และเบลเยี่ยม ลักเซมเบิร์กยังเป็นประเทศแห่งโบสถ์ วิหารและปราสาทอันเก่าแก่หลายร้อยปี และมีธรรมชาติ หุบเขาสวยๆมากมายให้คุณเดินชมในวันหยุดกับครอบครัว
รายได้เฉลี่ยต่อประชากร : 3,223,000 บาท/ปี หรือ 268,583 บาท/เดือน-
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
อย่างที่เล่ามาทั้งหมด แต่ละประเทศมีข้อดีของตนเอง ที่ทำให้คนในประเทศมีคุณภาพชีวิตที่ดี … ความมีวินัยของคนเยอรมัน ธรรมชาติแบบนิวซีแลนด์หรือแคนาดา หาดทราย ทะเล แสงแดด และอาหารดีๆ ของออสเตรเลีย สวัสดิการรัฐยอดเยี่ยมแบบสแกนดิเนเวีย ทั้งหมด แต่ละประเทศต่างมีจุดเด่นของตน ซึ่งจุดเหล่านี้ คงจะดีไม่น้อยหากรัฐบาลประเทศไทยจะปรับนำมาใช้กับผู้คนในประเทศเราบ้าง ไม่มากก็น้อย
Jetradar อยากจะให้คุณได้ลองเปิดหูเปิดตา และเรียนรู้ข้อดีต่างๆ ของ 10 ประเทศที่กล่าวมา เพื่อเรียนรู้ ความหมายของคำว่า “คุณภาพชีวิต” ที่มากกว่าแค่การทำงานเพื่อเก็บเงิน โดยไม่มีเวลาได้พักผ่อนหรือแทบไม่มีโอกาสได้ใช้เงินเพื่อความสุขของตนเอง มากยิ่งขึ้น ลองหาเวลาว่าง ทำงาน part-time เก็บเงิน แล้วหาตั๋วราคาถูกๆ ที่มีอยู่มากมายบน Jetradar เว็บและแอปสุดทันสมัยที่ช่วยค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกได้ง่ายๆ ในคลิ๊กเดียว หรือจะโหลดมาลองเสิร์ชบนมือถือก็ได้ ทั้งแบบ Android หรือ iOS ก็ถูกเหมือนๆกัน