สำหรับคนที่เลี้ยงแมว ปัญหาอย่างหนึ่งที่ประสบพบเจอบ่อยๆ ก็คือ โรคตาในแมว ที่ต้องดูแลและใส่ใจ เพราะบางครั้ง หากปล่อยปละละเลยไป ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ เรามาดูกันดีกว่าว่า โรคตาในแมวที่ต้องระวังมีอะไรบ้าง และมีจุดสังเกตอย่างไร และเมื่อไรที่ต้องพาน้องๆ ไปหาหมอกัน
โรคตาในแมว
ต้อกระจก
สำหรับแมวที่อายุ 5 ปีขึ้นไป อาจจะทำให้มีปัญหาโรคตาในแมวเรื่องต้อกระจกได้ ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากทั้งอายุที่มากขึ้น กรรมพันธุ์ การเกิดอุบัติเหตุที่ดวงตา และสาเหตุอื่นๆ ที่กระตุ้นให้แมวเป็นต้อกระจกได้โดยง่าย โดยอาการของต้อกระจกจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และไม่แสดงอาการใดๆ แต่พอเวลาผ่านไปก็จะเห็นตาเป็นฝ้า และมีความขุ้นมัว
สำหรับการรักษาต้อกระจกจะต้องทำโดยสัตวแพทย์เท่านั้น โดยแรกเริ่มสัตวแพทย์อาจจะให้ยาหยอดตา เพื่อชะลอความเสี่อม และสุดท้ายหากว่าไม่ดีขึ้น อาจจะต้องผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียมให้กับน้องแมว
น้ำตาไหลมากกว่าปกติ
หากว่าเจ้าของลองสังเกต แล้วพบว่าน้องแมวมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ เป็นสีน้ำตาลแดงบริเวณหัวตา อาจจะเป็นไปได้ว่าน้องแมวกำลังเป็นโรคท่อน้ำตาอุดตัน ตาอักเสบ เกิดจากอาการระคายเคืองต่างๆ หรือเกิดจากโรคตาในแมวอื่นๆ
วิธีรักษาควรจะพาน้องแมวไปพบกับสัตวแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงว่าการที่มีน้ำตาไหลมากผิดปกติมีสาเหตุเกิดจากอะไร เพื่อจะได้รักษาอย่างตรงจุด
เยื่อบุตาขาวอักเสบ
เยื่อบุตาขาวอักเสบ เป็นหนึ่งในโรคตาในแมวที่พบเจอบ่อย จะมีลักษณะมีน้ำตาใสๆ ไหลออกมา และสามารถมองเห็นเยื่อบุตาขาวของแมวได้ เกิดได้จากการติดเชื้อไวรัว แบคทีเรีย หรือเกิดจากอาการผิดปกติของแมวในบางสายพันธุ์
วิธีรักษา เมื่อสัตวแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคเยื่อบุตาขาวอักเสบ มักจะให้ยาหยอดตามาใช้หยด และติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
กระจกตาเป็นแผล
หากว่าเราสังเกตว่าน้องแมวมีอาการตาแดง ตาแฉะ หรือกะพริบตาบ่อยครั้ง อาจจะเป็นไปได้ว่ากระจกตาของน้องแมวอาจจะเป็นแผลที่เกิดจากการถูกข่วนที่ตา ถูกกัด หรือโดนสารเคมี ควรรีบพอไปรักษาโดยด่วน เพราะหากปล่อยไว้นาน อาจจะทำให้น้องแมวตาบอดได้
กระจกตาเป็นแผลเป็นโรคตาในแมวที่รักษาโดยใช้น้ำยาหยอดตา ควบคู่ไปการการกินยาแก้อักเสบ ซึ่งหากว่ารักษาแต่เนิ่นๆ โอกาสที่จะหายดีก็มีเพิ่มเติมขึ้นตามไปด้วย
โรคตาในแมวเป็นโรคที่สังเกตได้ง่าย แมวมักจะมีน้ำตาไหลผิดปกติ หรือตาแฉะ ซึ่งเจ้าของควรจะพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์ เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน