ขยะ รักษ์โลก อาหาร

5 วิธีลดขยะอาหารแบบง่าย ๆ เริ่มต้นได้ที่บ้าน

Home / สาระความรู้ / 5 วิธีลดขยะอาหารแบบง่าย ๆ เริ่มต้นได้ที่บ้าน

หลายคนคงเคยกินอาหารในจานไม่หมดแล้วกวาดลงถังขยะ ทิ้งเศษผักผลไม้ในขั้นตอนเตรียมอาหาร ตุนอาหารทิ้งไว้จนเสียในตู้เย็น จนเกิดเป็นขยะอาหาร สถิติที่น่าตกใจคือมีปริมาณอาหาร 1 ใน 3 ของโลก ถูกทิ้งเป็นขยะ อาจลองสังเกตง่าย ๆ ว่าในแต่ละวันเราทิ้งอาหารเหลือจากแต่ละมื้อกันไม่น้อยเลย แต่เราทุกคนมีส่วนช่วยแก้ปัญหานี้ได้ไม่ยาก เพียงหันมาใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อ การรักษาจัดเก็บ การเตรียมและทำอาหาร ก็สามารถช่วยลดปริมาณขยะอาหารในครัวเรือน ลดการใช้พลาสติก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตาม 5 วิธีลดขยะอาหารแบบง่าย ๆ ดังนี้

5 วิธีลดขยะอาหารแบบง่าย ๆ

1. วางแผนจ่ายตลาดให้พอดี

  • การจัดสรรด้วยปริมาณอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการ ของจำนวนสมาชิกในบ้าน
  • แนะนำให้วางแผนเมนูอาหารที่จะทำในแต่ละสัปดาห์ เช็ควัตถุดิบและผลิตภัณฑ์อาหารที่มีอยู่แล้ว แล้วจึงลิสต์รายการและปริมาณที่ต้องซื้อเพิ่มประจำวัน หรือสัปดาห์เอาไว้
  • พยายามซื้อของเฉพาะแค่ในรายการที่ต้องการ การวางแผนเช่นนี้ สามารถช่วยป้องกันการซื้อของเกินความจำเป็น และลดปริมาณอาหารที่เหลือจากการบริโภค หรืออาหารที่หมดอายุให้กับครอบครัวได้
  • นอกจากนี้ การออกไปตลาดหรือชอปปิ้งในซุปเปอร์มาร์เกต ควรนำถุงผ้า หรือภาชนะใส่อาหารที่ใช้ซ้ำได้ ติดตัวออกไปด้วยทุกครั้งให้เป็นนิสัย เพื่อลดการใช้พลาสติก เช่น ถุง, ขวดน้ำ, กล่องโฟม ฯลฯ
  • แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แนะนำให้เลือกบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้หรือนำกลับมาใช้ซ้ำได้ก่อนจะทิ้งไปอย่างเสียเปล่า

การวางแผนจัดการวัตถุดิบอย่างคุ้มค่า เหลือทิ้งน้อยที่สุด นอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะ และประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ให้มื้ออาหารสร้างสรรค์ขึ้น เช่น ปลา 1 ตัว ส่วนเนื้อนำมาทำเป็นสเต๊ก ส่วนหัวสามารถนำไปต้มเป็นซุป และส่วนท้องก็สามารถเก็บไว้ทอดกรอบในมื้อถัดไป, เศษ/ก้านผักที่เหลือจากการตัดแต่ง สามารถเก็บรวมกันไว้ทำเป็นน้ำสต๊อกหอมหวาน หรือขอบขนมปังสามารถนำมาหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า นำไปอบกรอบสำหรับโรยบนสลัดได้ เป็นต้น

2. อ่านฉลากวันหมดอายุ ให้เข้าใจ

เพิ่มความใส่ใจข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่จะซื้อเข้าบ้านด้วยการอ่านฉลากเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้จัดการกับวัตถุดิบได้ดีขึ้น เข้าใจวิธีการเก็บรักษาที่เหมาะสมจากคำแนะนำที่เขียนไว้ จึงช่วยยืดอายุอาหารออกไปได้ รวมไปถึงรู้กำหนดวันที่ระบุไว้ โดยตัวย่อบนฉลากอาหารที่ควรรู้ คือ

  • MFG / MFD (Manufactured ate) คือ วันที่ผลิตอาหาร
  • MFD (Expiration date), EXP (Expiry date) คือ วันหมดอายุ ไม่สามารถกินได้หลังจากวันที่ระบุไว้ อาหารอาจเน่าเสีย
  • หรือบูด
  • BB / BBE (Best before / Best before end) คือ ควรบริโภคก่อนวันที่ระบุ แต่แม้จะเลยวันที่กำหนดแล้ว ก็ยังสามารถบริโภคได้ต่อ โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพียงแต่คุณค่าทางโภชนาการ หรือคุณภาพอาหารอาจลดลง เช่น เนื้อสัมผัส สี ความหนืด เป็นต้น

ทุกครั้งก่อนจะนำผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาประกอบอาหาร ควรสังเกตบรรจุภัณฑ์ให้ดีว่าไม่มีรอบบุบ ไม่บวม รูปทรงไม่ผิดรูปไปจากเดิม หรือมีสนิมเกาะ ถ้ามีลักษณะเหล่านี้ควรตัดใจทิ้งโดยไม่ต้องเสียดาย เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

5 วิธีลดขยะอาหารแบบง่าย ๆ เริ่มต้นได้ที่บ้าน

3. จัดเก็บให้ถูกที่ ช่วยยืดอายุอาหาร

เพียงรู้จักและเลือกวิธีเก็บรักษาอาหารแต่ละประเภทให้ถูกต้อง ก็ช่วยยืดอายุอาหารออกไปได้นานขึ้น ทุกครั้งหลังจากจัดการทำความสะอาดหรือตัดแต่งวัตถุดิบต่าง ๆ แล้ว แนะนำให้เขียนวันที่ซื้อมาแปะไว้ ช่วยให้ใช้ของได้ทันเวลา ป้องกันของเสียเพราะอาจจะหลงลืมไป โดยเฉพาะของสดที่ควรแช่ในตู้เย็นในช่องแช่ที่เหมาะสม เช่น

  • เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ตัดแต่งหรือแบ่ง แยกเก็บในภาชนะที่สะอาด เช่น กล่องหรือใส่ถุงซิปล็อก แช่ในช่องฟรีซ
  • นม โยเกิร์ต กะทิ เก็บไว้ชั้นบนสุดใต้ช่องฟรีซ อุณหภูมิเย็นจัดคงที่เหมาะกับอาหารที่เสียง่าย
  • ไข่ เนย ซอส ไม่ต้องการความเย็นมาก ใส่ตะกร้าหรือกล่องให้เป็นสัดส่วน สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นฝั่งบานประตู
  • ผัก ผลไม้ ใส่ถุงใสเจาะรูให้อากาศถ่ายเท เก็บในช่องแช่ผักช่วยรักษาความสด
  • ถั่ว ธัญพืชต่างๆ ควรตากให้แห้งสนิท แล้วเก็บในภาชนะที่สะอาด ไม่อับชื้น
  • กระเทียม หอมแดง ผึ่งหรือแขวนไว้ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเท
  • อาหารแห้ง เก็บในภาชนะที่สะอาด มีฝาปิดมิดชิดเป็นสัดส่วน ไม่วางทับปนเปกัน เพื่อป้องกันแมลงมารบกวน

4. จัดระเบียบในตู้เย็น

การจัดระเบียบตู้เย็น ควรวางของที่ใหม่กว่าใส่ไว้ด้านในสุด จะได้ไม่ลืมอาหารที่ถูกเก็บไว้นานจนเสีย ช่วยลดการทิ้งขยะอาหารลงได้ และยังทำให้หยิบอาหารสะดวกขึ้น มองเห็นของเป็นสัดเป็นส่วน ซึ่งตู้เย็นสามารถกระจายความเย็นทั่วถึงกันช่วยยืดอายุอาหาร ให้เน่าเสียช้าลงได้ รวมไปถึงการทำความสะอาดตู้เย็นเป็นประจำโดยน้ำเปล่าผสมใช้เบกกิงโซดาหรือน้ำยาล้างจานอ่อน ๆ เช็ดแต่ละชั้น และเช็ดซ้ำด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดการสะสมของคราบสกปรก ลดกลิ่นอาหารและกลิ่นอับได้

5. ทำอาหารให้พอทาน ตักใส่จานแต่น้อย

  • ทำอาหารกินเอง คะเนปริมาณอาหารให้พอดีกับจำนวนคนในบ้าน ไม่เหลือทิ้ง ที่จะทำให้ลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น ถุงพลาสติก, จาน ช้อน ภาชนะพลาสติก, กระป๋องหรือกล่องโฟม ที่เป็นภาชนะอาหารแปรรูปต่าง ๆ เช่น อาหารแช่แข็ง, อาหารสำเร็จรูป, อาหารพร้อมทาน รวมไปถึงการสั่งแบบเดลิเวอรี
  • ควบคุมปริมาณอาหารในจานตัวเอง ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ โดยตักข้าวหรืออาหารให้พอทาน หากไม่อิ่มค่อยตัดเพิ่ม ซึ่งช่วยลดจำนวนแคลอรีต่อมื้อให้เหมาะสม
  • หากมีอาหารเหลือควรเก็บในตู้เย็น แล้วนำกลับมาทานให้หมดหรือนำไปดัดแปลงเป็นเมนูอื่น ๆ ในมื้อถัดไป
  • มีทริกง่าย ๆ ในการรีไซเคิลขยะอาหารไม่ให้สูญเปล่า คือการนำเศษอาหารไปใช้ประโยชน์ต่อ เช่น การนำเปลือกถั่วหรือเปลือกไข่มาบดโรยไว้ในกระถางต้นไม้ หรือผักสวนครัว ช่วยเพิ่มสารอาหารในดิน หรือนำเศษผักผลไม้เก็บรวมกันไว้ทำปุ๋ยหมักต่อได้ เป็นต้น

ทั้ง 5 วิธีลดขยะในครัวเรือนเป็นอีกแนวทางที่เอื้อต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณขยะอาหารซึ่งเป็นการลดปัญหาภาวะเรือนกระจกได้อย่างตรงจุดและยั่งยืน นำไปสู่อนาคตที่สมดุลและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือส่งผลให้เกิดพฤติกรรมใหม่ที่ส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีและความสะอาดในบ้าน เมื่อได้เสริมสร้างร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงจากการกิน อ.อาหาร คุณภาพ มีประโยชน์ตามหลักโภชนาการ ควรดูแลร่างกายให้ครบทุกด้านด้วยการ อ.ออกกำลังกาย ให้สม่ำเสมอ การพักผ่อนให้เพียงพอและการปรับ อ.อารมณ์ ให้ร่าเริงพร้อมดำเนินชีวิตประจำวันอย่างแจ่มใส

ที่มา เนสท์เล่คนไทยแข็งแรง

แนะนำ