นิยาย วันคริสต์มาส

นิยายคลาสสิค A Christmas Carol – วันคริสต์มาส

Home / สาระความรู้ / นิยายคลาสสิค A Christmas Carol – วันคริสต์มาส

สวัสดีท่านผู้อ่าน Campus Star ทุกท่านครับ อีกไม่กี่วันปีเก่า 2562 ก็จะผ่านพ้นไป ปีใหม่ 2563 ก็จะผ่านเข้ามาแล้ว บรรยากาศช่วงท้ายปีก็จะเต็มไปด้วยการเฉลิมฉลอง เพราะ holiday spirits นั้นฟุ้งกระจายอยู่ทั่วทุกแห่งหน คนส่วนมากก็อยากเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองคริสมาสต์และปีใหม่กับครอบครัว

นิยายคลาสสิค A Christmas Carol

ในต่างประเทศ เทศกาลคริสมาสต์มีความสำคัญมาก เปรียบเทียบได้กับสงกรานต์ในบ้านเรา และในช่วงเวลาสุดวิเศษนี้เองที่ ‘วิญญาณแห่งคริสต์มาส’ (Christmas spirit) มีอิทธิพลต่อใจเราเป็นอย่างมาก สังเกตดูง่ายๆ ในช่วงคริสต์มาสผู้คนจะมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากกว่าปกติ เป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นมากกว่าตนเอง แม้แต่กับคนแปลกหน้าเองก็ตาม พอพูดถึง Christmas spirit แล้ว หลายๆ คนอาจจะนึกถึงนวนิยายสุดคลาสสิคของ Charles Dicken เรื่อง ‘A Christmas Carol’

นิยายคลาสสิค A Christmas Carol - วันคริสต์มาส

‘A Christmas Carol’ เป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า เอเบเนเซอร์ สครูจ (Ebenezer Scrooge) นายธนาคารผู้เลือดเย็นและละโมบโลภมาก และที่สำคัญคือเขาเกลียดเทศกาล Christmas เป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งเขาได้พบกับวิญญาณของเพื่อนเก่าและภูติแห่งคริสมาสต์ทั้ง 3 ตน ที่ทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ในชั่วข้ามคืน

ถ้าพูดถึง ‘ความตะหนี่ถี่เหนียว’ คงไม่มีใครเหนือกว่า เอเบเนเซอร์ สครูจ อีกแล้ว ในคืนก่อนวันคริสต์มาส สครูจ ปล่อยให้ บ๊อบ แครทชิท คนรับใช้ของเขานั่งหนาวสั่นอยู่ภายในห้องเพราะเขาไม่ยอมแม้แต่จะซื้อถ่านหินมาก่อไฟ เฟรด หลานชายของสครูจแวะมาหาเพื่อเชิญเขาไปงานฉลองคริสต์มาสก็กลับถูกตวาดว่า ‘Bah! Humbug!’ ในขณะเดียวกัน ชายอีกสองคนที่มาเรี่ยไรเงินบริจาคก็โดนสครูจไล่ตะเพิดไปอีกเช่นกัน

ในค่ำคืนนั้นเอง สครูจ ก็ได้พบกับดวงวิญญาณของ เจค็อบ มาร์ลี (Jacob Marley) สหายเก่าที่เคยทำงานด้วยกัน มาร์ลี่ ปรากฏตัวพร้อมด้วยโซ่ตรวนอันหนักอึ้งที่ทำจากทรัพย์สินเงินทอง เป็นเครื่องพันธนาการแห่งความโลภที่จองจำวิญญาณของมาร์ลี่มากว่า 7 ปีแล้ว มาร์ลี่ เป็นวิญญาณตนแรกที่มาเตือน สครูจ ให้เปลี่ยนแปลงตนเองเสีย มิเช่นนั้น สครูจ จะมีชะตาเดียวกันกับเพื่อนผู้ล่วงลับ

สครูจ หมดสิตไปครู่หนึ่ง พอเขาลืมตาขึ้น วิญญาณของเด็กตัวน้อยก็ปรากฏให้เห็น ‘ภูติแห่งคริสมาสต์ในอดีต’ (the Ghost of Christmas Past) ได้พา สครูจ ย้อนกลับไปสู่ห้วงความทรงจำในอดีต เขาได้เห็นภาพเหตุการณ์วันคริสมาสต์ตอนที่เขายังเป็นเด็กอยู่ สครูจ ในวัยเด็กดูมีความสุขมาก เขาเคยฝึกงานกับพ่อค้าผู้ใจดีอย่าง เฟสซิวิก (Fezziwig) และ เขาก็ยังเห็น เบลล์ (Belle) คู่หมั้นของ สครูจ ที่สุดท้ายก็ทิ้งเขาไปเพราะเขาเห็นการเงินมากกว่าความสัมพันธ์และความรักที่มีแต่ผู้อื่น เมื่อ สครูจ เห็นแบบนี้แล้วก็อดกลั้นน้ำตาแห่งความเสียดายไว้ไม่อยู่ ก่อนที่ ภูติแห่งคริสมาสต์ในอดีต จะพา สครูจ กลับมาส่งที่ห้องนอนของเขา

ต่อมา ‘ภูติแห่งคริสมาสต์ในปัจจุบัน’ (the Ghost of Christmas Present) ได้พา สครูจ ท่องเที่ยวกรุงลอนดอนไปในยามราตรีของคืนวันคริสต์มาสในปีนี้ สครูจ ได้เห็นผู้คนมากมายในครอบครัวแครทชิทที่กำลังเตรียมอาหารมื้อสำคัญกันอย่างสนุกสนาน สครูจ เห็น ไทนี่ ทิม (Tiny Tim) ลูกชายพิการของ บ็อบ คนรับใช้ของเขา ซึ่งความเมตตาและอ่อนน้อมถ่อมตนของทิม ทำให้ สครูจ รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก หลังจากนั้นภูติแห่งคริสต์มาสก็พา สครูจ ไปยังบ้านของ เฟรด หลานชายของเขา ซึ่งที่นั่น สครูจ ได้เห็นบรรยกาศการฉลองคริสต์มาสกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาที่แสนจะอบอุ่น สครูจ บอกกับภูติว่าขอเขาอยู่ตรงนี้จนกว่างานเลี้ยงจะเลิกลาได้ไหม เมื่อเวลาล่วงเลยไป ภูติแห่งคริสมาสต์ ก็ได้ชราภาพลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก่อนจะหายตัวไป ภูติแห่งคริสมาสต์ได้ชี้ให้ ครูจ เห็นว่ามีเด็กหิวโซ 2 คน ชื่อว่า ‘อวิชชา’ (ignorance) และ ‘ปรารถนา’ (want) ซุกซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมของเขา แล้วทันใดนั้นเองก็มีเงามืดพุ่งเข้ามาหา สครูจ

‘ภูติแห่งคริสมาสต์ในอนาคต’ (the Ghost of Christmas Yet to Come) พา สครูจ มาดูหลายๆ เหตุการณ์เกี่ยวกับการตายของชายนิรนามคนหนึ่ง สครูจ เห็นนักธุรกิจหลายคนกำลังถกเถียงกันเรื่องสมบัติของผู้ตาย เขาเห็นยาจกกำลังนำทรัพย์สินที่ขโมยมาจากหลุมศพของผู้ตายไปขาย และยังเห็นสามีภรรยาที่ยากจนคู่หนึ่งที่มีสีหน้าแสดงออกถึงความโล่งใจเหมือนได้ยกภูเขาทั้งลูกออกจากอก เพราะหนี้ก้อนโตของพวกเขาได้ละลายไปพร้อมกับเจ้าหนี้ผู้ล่วงลับ สครูจ ถามภูติแห่งคริสมาสต์ถึงชื่อเสียงเรียงนามของผู้ตาย แต่เค้าต้องตะลึงเมื่อเห็นป้ายหลุมศพ เพราะมันกลับมีชื่อของ เอเบเนเซอร์ สครูจ นั่นเอง

สครูจ อ้อนวอนต่อภูติแห่งคริสต์มาสให้เปลี่ยนชะตากรรมของเขา และสาบานว่าจะกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี ละทิ้งซึ่งความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ถี่เหนียว การเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น และ เขายังให้คำมั่นสัญญาอีกด้วยว่าจะเคารพเทิดทูนคริสต์มาสเหนือสิ่งอื่นใด พูดยังไม่ทันขาดคำ ครูจ ก็สะดุ้งตื่นขึ้นในเช้าวันคริสต์มาส เขานอนอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มยินดีและซาบซึ้งในโอกาสที่เขาได้รับอีกครั้งหนึ่ง สครูจ ไม่รอช้ารีบรุดออกไปนอกบ้านพร้อมกับ ‘Christmas spirit’ ที่ถือกำเนิดใหม่ในหัวใจของเขา สครูจ นำไก่งวงตัวใหญ่ไปฝากครอบครัวแครทชิทและตัวเขาเองก็ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันคริสต์มาสกับหลานชาย ซึ่งทำให้แขกเหรือต้องประหลาดใจยิ่งนัก

หลายปีผ่าน สครูจ ยังคงรักษาคำมั่นสัญญาที่เขาได้ให้ไว้กับภูติแห่งคริสต์มาสและเทิดทูนคริสต์มาสเหนือสิ่งอื่นใด เขายังดูแลเอาใจใส่ ไทนี่ ทิม (Tiny Tim) และเอ็นดูราวกับว่าเป็นลูกของตัวเอง นอกเหนือจากนี้ในทุกๆ ปี สครูจ ยังมอบของขวัญและบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือคนยากจนอีกด้วย เขาได้เปลี่ยนแปลงตนเองจากนายธนาคารหน้าเลือดมาเป็นคนธรรมดาที่มีแต่ความเมตตากรุณาและโอบอ้อมอารีแก่เพื่อนมนุษย์ทุกคน

ถึงแม้ว่า Charles Dicken จะได้แต่ง ‘A Christmas Carol’ ไว้เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว และ เรื่องราวต่างๆ จะเกิดขึ้นในยุคสมัยวิคตอเรียนก็ตาม นวนิยายเรื่องนี้ยังคงอยู่ในดวงใจบรรดาผู้อ่านในยุคปัจจุบัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวละครหลักอย่าง สครูจ ที่มีอุปนิสัยเหมือนคนทั่วไปในทุกยุคทุกสมัย และความเมตตา ความโอบอ้อมอารี และ ความเอื้อเผื่อแผ่ คือคุณธรรมอันสูงสุดในหัวใจของมนุษย์ซึ่งไม่เคยเสื่อมคลายไปตามกาลเวลานั่นเอง

สุดท้ายนี้ ครูพี่พีท ขออวยพรให้ Christmas spirit อันแรงกล้าจงสถิตย์อยู่ในใจของท่านผู้อ่าน และขอให้ทุกคนประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ อุดมไปด้วย health, wealth, and happiness ตลอดจนก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2020 ด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วย kindness, compassion, and generosity นะครับ

Merry Christmas & Happy New Year

By ครูพี่พีท : XChange English

ภาพจาก theproblemsite.com

บทความแนะนำ