นาทีประหารนักโทษ ฉีดยาพิษเข้าร่างกาย ครั้งที่ 2 ของกฎหมายใหม่ เป็นไปตามบท บัญญัติของกฎหมาย กับคำสั่งประ หารชีวิตนักโทษคดียาเสพติดสำคัญ 2 ราย คือ น.ช.บัณฑิต เจริญวานิช อายุ 45 ปี และ น.ช. จิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์ วัย 52 ปี นักโทษคดียาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งถูกจับกุมพร้อมของกลางยาบ้านับแสนเม็ด ผ่านการพิจารณาคดีจนถึงที่สุด ศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยวิธีฉีดยาพิษเข้าร่างกายแทนการยิงเป้า
ขั้นตอนประหารนักโทษ
ตามสถิตินับว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว สำหรับการประหารชีวิตโดยใช้ยาพิษฉีดเข้าร่าง ครั้งแรกเกิดกับนักโทษค้ายาเช่นกัน ถูกประหารไป 3 ราย ส่วนอีกรายเป็นนักโทษคดีฆ่าคนตาย ประเดิมวิธีประหารชีวิตแบบใหม่ไปเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ปี 46 จนมาถึงวันที่ 24 ส.ค. ปี 52 ก็มีนักโทษถูกตัดสินประหารชีวิตอีกจนได้
โดยนักโทษประหารเหล่านี้ ก่อนตายจะได้มีโอกาสพูดคุยกับลูก-เมีย ผ่านโทรศัพท์เพื่อสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนการลงทัณฑ์ที่วางไว้
การประหารชีวิตนักโทษ ด้วยวิธีฉีดยาพิษเข้าร่างกาย
การประหารชีวิตนักโทษด้วยวิธีฉีดยาพิษเข้าร่างกายในครั้งนี้ เริ่มขึ้นตอนเย็นวันที่ 24 ส.ค. ที่เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี มีการประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาดด้วยวิธีการฉีดยาพิษเข้าร่างกาย ซึ่งการประหารด้วยการฉีดยาพิษครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากประเทศไทย แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 16) พ.ศ.2546 มาตรา 19 เปลี่ยนการประหารชีวิตจากการยิงเป้า มาเป็นฉีดยาหรือสารพิษให้ตาย ทุกอย่างถูกดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ขั้นตอนการประหาร
เวลา 15.30 น.
สำหรับขั้นตอนการประหาร เริ่มขึ้นหลังฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ตกมายังกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเรือนจำจะปกปิดเป็นความลับ จนกว่าจะเก็บนักโทษทั้งหมดเข้าเรือนนอน ในเวลา 15.30 น. ซึ่งหลังจากนั้นเรือนจำจะเบิกตัวนักโทษที่ต้องรับโทษประหารชีวิตออกมา และแจ้งให้ทราบถึงผลฎีกา เพื่อเขียนพินัยกรรมสั่งเสีย และโทรศัพท์สั่งเสียกับญาติพี่น้องก่อนประหารชีวิต 1 ชั่วโมง
จากนั้นเรือนจำจะจัดอาหารมื้อสุดท้ายให้แก่นักโทษ และนิมนต์พระสงฆ์วัดบางแพรกใต้ เข้ามาแสดงธรรมะ
จากนั้น เจ้าหน้าที่จะนำนักโทษประหารขึ้นรถ และนำตัวเข้าสู่แดนประหาร ก่อนเข้าสู่แดนประหารผู้คุมจะนำนักโทษเข้าสักการะศาลเจ้าพ่อเจตคุปต์ และกราบไหว้ต้นโพธิ์ 3 ต้น หน้าแดนประหาร จากนั้นจะนำตัวนักโทษเข้าสู่ห้องฉีดสารพิษและปิดตานักโทษด้วยผ้าดำ รวมทั้งให้นักโทษถือดอกไม้ธูปเทียนและหันหน้าไปทางวัดบางแพรกใต้ ที่อยู่ติดกับแดนประหาร
ขั้นตอนในแดนประหาร..
ส่วนขั้นตอนในแดนประหาร.. เรือนจำจะยังคงล่ามโซ่ตรวนไว้ และให้นักโทษนอนบนเตียงประหารชีวิต ซึ่งมีผ้าขาวสำหรับห่อศพวางรองอยู่ และขึงแขนนักโทษให้ติดกับเตียงทั้ง 2 ข้างในท่ากางแขน และนำเข็มฉีดยาปักไปที่ข้อมือทั้ง 2 ข้าง และฉีดยาจำนวน 3 เข็ม
เข็มที่ 1 คือยานอนหลับ เข็มที่ 2 เป็นยาคลายกล้ามเนื้อ และเข็มที่ 3 คือยาหยุดการเต้นของหัวใจ
ขั้นตอนการฉีดยาประหารชีวิต จะใช้เวลาประมาณ 25 นาที
จากนั้นแพทย์และคณะกรรมการ ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทนอัยการจังหวัด ผู้กำกับการสถานีตำรวจ ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้แทนกรมราชทัณฑ์ จะตรวจสอบว่านักโทษประหารเสียชีวิตตามคำพิพากษา แล้วนำศพนักโทษบรรจุในโลงเย็น ซึ่งมีความเย็น -18 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ก่อนจะให้แพทย์ตรวจเป็นครั้งสุดท้าย และส่งให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลในวันรุ่งขึ้น
ครั้งสุดท้ายของชีวิต
เมื่อทุกอย่างพร้อม เวลา 16.30 น.
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวน.ช.บัณฑิต และน.ช.จิรวัฒน์ ออกมาจากแดน 2 เพื่อไปยังแดน 9 ซึ่งเป็นแดนประหารชีวิต จากนั้นให้นักโทษทั้ง 2 ราย เขียนพินัยกรรม และโทรศัพท์หาญาติครั้งสุดท้าย
โดยนายจิรวัฒน์ โทร.หาแม่และลูกสาว สั่งเสียให้ลูกตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ ประโยคสุดท้ายบอกว่า “พ่อรักลูก”
ส่วนนายบัณฑิต โทร.หาภรรยาและลูก โดยบอกภรรยาให้มารับศพด้วย ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของญาติพี่น้อง
หลังจากโทรศัพท์เรียบร้อย..
นำตัวไปยังอาคารประหารชีวิต ฉีดสารพิษ
เจ้าหน้าที่ได้อ่านคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี วันที่ 24 ส.ค. เรื่องการยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษทั้ง 2 คน ว่าตามที่นักโทษทั้ง 2 ได้ยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำความกราบบังคมทูล จากนั้นมีพระบรมราชวินิจฉัยให้ยกฎีกา ลงวันที่ 13 ส.ค. เมื่อทั้งสองเซ็นรับทราบคำสั่ง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปยังอาคารประหารชีวิต ฉีดสารพิษ โดยอาหาร มื้อสุดท้าย คือ แกงฉู่ฉี่ และแอปเปิ้ล 2 ลูก ที่เตรียมไว้ให้ แต่นักโทษทั้ง 2 ไม่กิน ดื่มเพียงน้ำเปล่า 1 แก้ว
เมื่อผ่านการฉีดยาเข้าร่างกายแล้ว
เมื่อผ่านการฉีดยาเข้าร่างกายแล้ว ทีมแพทย์และคณะกรรมการ ได้เข้าตรวจสอบร่างกายของนักโทษ เพื่อเช็กชีพจร ม่านตา และการเต้นของหัวใจ เพื่อเป็นการยืนยันว่าเสียชีวิตแน่นอน ก่อนที่จะมอบศพให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
นักโทษคดียาเสพติด
สำหรับ น.ช.บัณฑิต เจริญวานิช และ น.ช.จิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์ กับพวกอีก 3 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้จับกุมเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2544 พร้อมของกลางยาบ้า 114,219 เม็ด ต่อมาศาลอาญา พิพากษา ประหารชีวิตทั้งคู่ คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีมติให้ยึดอายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้งสอง จำนวน 73 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 41,666,289 บาท ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งประหารชีวิตในตอนท้าย
ทุกอย่างเป็นไปตามกฎแห่งกรรม !!