ข่าวเก่า ตระกูลรังสิต

มรดก 8 พันล้าน ลูกมรว.ดัง ฟ้องเจ้าอินเดีย ตระกูลรังสิต

Home / เรื่องทั่วไป / มรดก 8 พันล้าน ลูกมรว.ดัง ฟ้องเจ้าอินเดีย ตระกูลรังสิต

สำนักข่าวเอเอฟพีได้รายงานเมื่อวันที่ 28 ก.ค. โดยอ้างรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ ออฟ อินเดีย ว่า น.ส.ลลิตยา กุมารี และนายเทพราช ซิงห์ 2 พี่น้องซึ่งเป็นบุตรชายและบุตรสาวของ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ราชนิกูลเมืองไทย กับมหาราชจักกัต ซิงห์ แห่งแคว้นชัยปุระ ประเทศอินเดีย ได้ยื่นฟ้องมหารานี คยาตรี เทวี ผู้เป็นย่า ซึ่งเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ของอดีตราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ของอินเดีย ในคดีขอแบ่งทรัพย์สินจากกองมรดก ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านรูปี หรือเป็นเงินไทยมากกว่า 8,000 ล้านบาท โดย น.ส.ลลิตยาและนายเทพราชอ้างว่า มีการปลอมพินัยกรรมของมหาราช จักกัต ซิงห์ แห่งชัยปุระ ผู้เป็นบิดา ที่ระบุให้ตัดสิทธิ์ทั้งคู่ออกจากกองมรดก

มรดก 8 พันล้าน ลูกมรว.ดัง ฟ้องเจ้าอินเดีย ตระกูลรังสิต

ปัจจุบันมหารานี คยาตรี เทวี มารดาของมหาราชจักกัต ซิงห์ ขณะนี้มีอายุ 80 ปี และได้รับการยกย่องว่า เป็นสตรีผู้เลอโฉมที่สุดคนหนึ่งในอินเดีย เคยติดอันดับ 1 ใน 10 สตรีที่สวยที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารโว้ค มหารานีถือกำเนิดในราชวงศ์อินเดียและอภิเษกสมรสกับเจ้าผู้ปกครองแคว้นชัยปุระในอดีต ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอินเดีย

ต่อมาผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สัมภาษณ์ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ได้รับการเปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ที่ประเทศอินเดีย และไม่สะดวกที่จะคุยให้รายละเอียดใดๆ เพราะทุกอย่างอยู่ในชั้นศาล

สำหรับ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ผู้เป็นมารดาของผู้ยื่นฟ้องร้องทั้ง 2 เป็นธิดาคนเล็กของ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นสายพระโลหิตในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4)

รายงานข่าวระบุว่า ทั้งนายเทพราชและ น.ส.ลลิตยาได้ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยตามมารดา หลังจาก ม.ร.ว.ปรียนันทนาได้หย่าร้างกับมหาราชจักกัต ซิงห์ ในปี 2530 ต่อมา ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ได้สมรสอีกครั้ง กับนายปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล นักธุรกิจผู้เคยมีผลงานด้านดนตรี โดยมีอัลบั้มเพลงชุด “ไปทะเลกันดีกว่า” อันโด่งดังในอดีต

ซึ่งนายเทพราชและ น.ส.ลลิตยา หลานชายหลานสาวของมหารานี เคยเดินทางไปเยี่ยมผู้เป็นย่าที่อินเดียบ่อยครั้ง และปัจจุบันทั้งคู่เดินทางไปที่อินเดีย เพื่ออ้างสิทธิ์ในกองมรดกของบิดา หลังจากในพินัยกรรมระบุว่าทั้ง 2 ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สิน หากทั้งคู่ยังตกอยู่ในการดูแลของมารดาซึ่งหย่าร้างกันไปแล้ว

ราชสกุล “รังสิต” ชนะคดีมรดกหมื่นล้าน มหารานีแห่งนครจัยปูร์

ราชสกุล “รังสิต” ชนะคดีมรดกหมื่นล้าน มหารานีแห่งนครจัยปูร์

ประวัติของมหาราชจักกัต ซิงห์

ด้านประวัติของมหาราชจักกัต ซิงห์ อดีตสวามีของ ม.ร.ว.ปรียนันทนา เป็นโอรสของมหาราชาแห่งแคว้นชัยปุระ ซึ่งเป็นแคว้นที่ร่ำรวยมากของประเทศอินเดีย โดยทั้ง 2 พบรักกันสมัยเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษด้วยกันและมีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ ราชกุมารี ลลิตยา และราชกุมาร เทพราช ซิงห์ ซึ่งใช้เรียกที่ประเทศอินเดียตามฐานันดรของบิดาที่มีเชื้อสายราชวงศ์

ต่อมามหาราชจักกัต ซิงห์ และ ม.ร.ว.ปรียนันทนาได้หย่าขาดจากกัน ม.ร.ว.ปรียนันทนาจึงพาบุตรสาวและบุตรชายกลับมาเมืองไทย พร้อมกับให้ลูกทั้ง 2 คนเปลี่ยนนามสกุล มาใช้นามสกุล “รังสิต” ของท่านตาท่านยาย คือ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต และอยู่ในความปกครองดูแลของ ม.ร.ว.ปรียนันทนานับแต่นั้นมา

หลังหย่าขาดจากมหาราชจักกัต ซิงห์

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากบุคคลที่ใกล้ชิดกับ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ว่า หลังหย่าขาดจากมหาราชจักกัต ซิงห์ ม.ร.ว.ปรียนันทนาได้ส่งเสียเลี้ยงดูบุตรทั้ง 2 คนมาตั้งแต่เล็ก โดยไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากทางอินเดีย จนกระทั่งบุตรทั้ง 2 บรรลุนิติภาวะก็ไม่เคยได้รับอะไรเลย

ปัจจุบัน บุตรชายคนโตคือ เทพราช ซิงห์ จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ และบุตรสาวคนเล็กคือ ลลิตยา กุมารี จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ผู้ใกล้ชิดยังเผยด้วยว่า สาเหตุที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา ต้องเดินทางไปอินเดียเป็นเพื่อนบุตรทั้ง 2 คน ก็เพื่อเปิดแถลงข่าวใหญ่เรียกร้องสิทธิเหนือกองมรดกดังกล่าว และเพื่อต้องการต่อสู้เพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีของบุตรทั้ง 2 คน โดยมิได้คำนึงถึงเรื่องเงินทอง การต่อสู้คดีลักษณะนี้ อาจยืดเยื้อนาน 50-100 ปี แต่ก็ต้องสู้และถือเป็นคดีประวัติศาสตร์โลก เพราะไม่เคยมีใครกล้าฟ้องร้องหรือเรียกร้องสิทธิ์ใดๆ เหนือเชื้อพระวงศ์ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คดีนี้จะเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก ม.ร.ว.ปรียนันทนา ได้ดำเนินการฟ้องค้านมานานหลายปีแล้ว เพื่อหยุดความพยายามฮุบมรดกของมหารานี คยาตรี เทวี ผู้มีศักดิ์เป็นย่า ซึ่งถูกยุยงส่งเสริมโดยผู้เป็นลุงของเทพราชและลลิตยา ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกในขณะนี้