การ์ตูน เฮลโล คิตตี้ ( Hello Kitty ) ” เป็นตัวการ์ตูนลักษณะคล้ายแมวพันธุ์บ๊อบเทล เพศเมียสีขาว มีลักษณะเด่น คือ ผูกโบแดงที่หูซ้ายและไม่มีปาก ผลิตโดยบริษัทซานริโอ ของประเทศญี่ปุ่น ออกแบบโดย ยูโกะ ชิมิซุ
ประวัติการ์ตูน เฮลโล คิตตี้
– Kitty มีชื่อจริงว่า “คิตตี้ ไวท์”
– วันเกิดคิตตี้ เกิดเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2517 ในแถบชานกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
– อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กซึ่งมีหลังคาสีแดงกับครอบครัว
– คิตตี้มีส่วนสูงเท่ากับแอปเปิ้ล 5 ผล และน้ำหนักเท่ากับแอปเปิ้ล 3 ผล
– เลือดกรุ๊ปเอ
– ชอบสีชมพู
– มีอุปนิสัยร่าเริง อบอุ่นและใจดี
– ด้านงานอดิเรก ชอบสะสมของเล็กของน้อย และทำขนมหวานเก่ง โดยมีเมนูโปรดเป็นของหวานอย่าง พายแอปเปิ้ลฝีมือแม่ ฮอตเค้ก และพุดดิ้ง
– นอกจากนั้น วิชาที่คิตตี้ชอบเรียนในโรงเรียน คือ ภาษาอังกฤษ ดนตรีและศิลปะ จึงมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักเปียโนหรือกวี
– คิตตี้มีสัตว์เลี้ยงเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซียชื่อ ชาร์มมี่ คิตตี้ (Charmmy Kitty) , หนูแฮมสเตอร์ชื่อ ชูการ์ (Sugar)
– คิตตี้มีฝาแฝดด้วย นั่นคือ มิมมี่ ไวท์ หรือก็คือตัวการ์ตูนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนเธอ แต่ผูกโบสีเหลือง
– บ้านเธอยังมีแมวน้ำอาศัยอยู่ด้วยนะ
– และเป็นแฟนกับเพื่อนในวัยเด็กที่ชื่อ แดเนียล สตาร์
ปัจจุบัน Kitty อายุย่างเข้าปีที่ 45 (ปี 2562)
แรงบันดาลใจ ที่มาของ คิตตี้
สำหรับที่มาของชื่อ “เฮลโล คิตตี้” นั้น นางยูโกะ ชิมิซุ ผู้ออกแบบเผยว่า .. ได้แรงบันดาลใจจากนิยายชื่อดังของนักประพันธ์ ลีวิส แครอลล์ เรื่อง “Through The Looking Glass” ที่อลิซ ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องนั้นเล่นกับแมวที่ชื่อ “คิตตี้” นอกจากนั้น นายชินทาโร่ ซูจิ ผู้ก่อตั้งบริษัทซานริโอระบุว่าปรัชญาในการทำงาน คือ ความต้องการจะสื่อสารกับสังคม จึงเป็นที่มาของการเติมคำว่า “เฮลโล” นำหน้า “คิตตี้”
นอกจากนั้น อีกหนึ่งจุดเด่นที่หลายคนมักถามถึง คือ ทำไมคิตตี้จึงไม่มีปาก ทางด้านโฆษกของซาน ริโอกล่าวว่า ตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น เพราะง่ายต่อการที่คนมองแล้วจะสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของคิตตี้ คนดูจึงมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวการ์ตูนเองว่ากำลังมีความสุขหรือเศร้า
เฮลโล คิตตี้ เปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ.2517 เป็นกระเป๋าผ้าใบใส่เหรียญสตางค์ จากนั้นในปีพ.ศ.2519 จะไปโด่งดังในสหรัฐอเมริกา และกลายเป็นสัญลักษณ์ทางการค้าไปทั่วโลก โดยขยายสินค้าออกไปหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา หรือเสื้อผ้าและเครื่องประดับ กระทั่งถึงเครื่องบินแอร์บัส เฮลโล คิตตี้ รุ่น เอ33-200
นอกจากนั้นยังถูกนำไปผลิตเป็นละครโทรทัศน์กว่า 30 ตอน ตั้งแต่ปีพ.ศ.2542-2554 และยังมีสวนสนุกในร่มที่สร้างขึ้นด้วยแนวคิดจากคิตตี้อย่าง “ซานริโอ พูโรแลนด์” และ “ฮาร์โมนีแลนด์” อีกด้วย
แม้กลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้า “เฮลโล คิตตี้” จะเป็นเยาวชน แต่กลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่หันมาสนใจเฮลโล คิตตี้ ในฐานะสินค้าย้อนยุคมากขึ้น ซึ่งในปีพ.ศ.2551 บริษัทซานริโอระบุว่ามีสินค้าที่ใช้เฮลโล คิตตี้ เป็นสัญลักษณ์กว่า 50,000 รายการใน 60 ประเทศทั่วโลก และทำกำไรให้กับบริษัทราว 15,000 ล้านบาท
แต่คิตตี้ไม่ใช่แมว
ซึ่งเรื่องทาง Sanrio เผยว่าจริง ๆ เป็น เด็กผู้หญิง โดยเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ รายงานว่า จากการให้สัมภาษณ์ของคริสติน ยาโนะ หัวหน้าผู้ดูแลงานนิทรรศการ เฮลโล คิตตี้ (Hello Kitty) ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติญี่ปุ่น-สหรัฐอเมริกา ในนครลอสแอนเจลิส ระบุว่า บริษัทซานริโอเอง มองว่าตัวการ์ตูน เฮลโล คิตตี้ (Hello Kitty) เป็นมนุษย์เด็กผู้หญิง ไม่ใช่แมวอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน
โดยคริสติน ยาโนะ กล่าวว่า หนึ่งในเรื่องที่ซานริโอตั้งใจจะเขียนสคริปต์มา เพื่อปรับความเข้าใจของผู้ชมในนิทรรศการนี้ คือ เฮลโล คิตตี้ (Hello Kitty) ไม่ใช่แมว เธอเป็นตัวการ์ตูนเด็กผู้หญิงชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ชานกรุงลอนดอน เธอมีชื่อจริงว่า คิตตี้ ไวท์ เรียนอยู่ ป.3 เธอเป็นเพื่อน แต่เธอไม่ใช่แมว ไม่เคยมีการนำเสนอว่าเธอเองเดินด้วยขา 4 ขา เธอยืนและนั่งเหมือนกับมนุษย์ที่มี 2 ขา และเธอก็เลี้ยงแมวเอาไว้เองด้วย แมวตัวนั้นมีชื่อว่า ชาร์มมี่ คิตตี้ นอกจากนี้เธอยังมีฝาแฝดด้วย นั่นคือ มิมมี่ ไวท์ และที่บ้านของเธอก็ยังมีแมวน้ำอาศัยอยู่หลังบ้านด้วย
ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาเหล่าแฟนการ์ตูนซานริโอ ตะลึงไปตามๆ กัน และกลายมาเป็นกระแสบนโซเชียลมีเดีอยู่พักหนึ่ง
… แต่ถึงอย่างไร เราก็ยังคิดเสมอว่า คิตตี้คือแมว และเราก็ยังรักเธออยู่เสมอมา KISS KISS
ครอบครัวของ เฮลโล คิตตี้
เพื่อนๆ ของ Hello Kitty
ภาพจาก Wallpapercave1.com ที่มา http://hello-kitty.sanriotown.com , ducky kitty