ตลาดพลู คือ ย่านเก่าแก่ ที่ถูกดิสรัปจากการเปลี่ยนแปลงของการขยายเมืองในกรุงเทพฯ การสร้างความเชื่อมโยงให้คุณค่าของย่านเมืองเก่าถูกถ่ายทอดออกไปยังคนรุ่นใหม่ในรูปแบบที่สอดรับกับวิถีชีวิตคนเมือง จึงเป็นโจทย์หลัก ในการทำนิทรรศการของทีมงาน คณะการออกแบบและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งเป็นเอกชนรายเดียวที่ได้เข้าร่วมทำงานกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ สศส.ในการจัดทำนิทรรศการ Bangkok Design week ซี่งเป็นเทศกาลงานออกแบบ ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มียอดผู้เข้าชมงานทั้งไทยและต่างประเทศมากกว่า 400,000 คนในแต่ละปี
คิดสร้างสรรค์ ปลุกชีวิต … คืนชีวา
ชุมชนตลาดพลู-วงเวียนใหญ่
คุณค่าวัฒนธรรมเชื่อมโยงคนสองยุค
อาจารย์มาร์ค ผศ.ดร. ณัฐวุฒิ อัศวโกวิทวงศ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิดการออกแบบนิทรรศการตลาดพลูในงาน Bangkok Design week 2023เล่าว่า คณะการออกแบบและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนรายเดียว ที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมในงาน Bangkok Design week 2023 ที่ตลาดพลูในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันย่านตลาดพลูมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
เมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ ความเจริญเข้ามาเยือน โครงการที่อยู่อาศัยเกิดใหม่ เช่น คอนโดมีเนียม บ้านจัดสรร เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีผู้อยู่อาศัยใหม่ ๆ เข้ามาในพื้นที่ เกิดการผสมผสานของคนกลุ่มใหม่นอกพื้นที่ กับผู้อยู่อาศัยดังเดิมในชุมชน มีความไม่เข้าใจเรื่องวิถีชีวิตและวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนเก่า ที่อยู่เดิมในชุมชนตลาดพูลมายาวนาน
เกิดเป็นโจทย์ให้ขบคิดหาวิธีเพื่อให้สองวิถีชีวิต คนใหม่ กับคนเก่าสามารถอยู่ร่วมกันได้ในพื้นที่เดียวกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการบอกเชิญชวนให้คนรุนใหม่ ชาวต่างชาติ เข้ามาสัมผัสมรดก วัฒนธรรมของชุมชนเก่าแก่ย่านตลาดพลู อีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองไทยผ่านมุมมองใหม่
ด้วยโจทย์นี้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้จัดนิทรรศการ Bangkok Design week 2023 ในคอนเซ็ปต์ ‘เมืองมิตรดี’ เราได้ตีโจทย์ นำต้นทุนทางวัฒนธรรมที่เป็นคุณค่าในการต่อยอดสร้างมูลค่าให้กับชุมชน โดยลงพื้นที่เก็บข้อมูลเริ่มระดมสมองคุยกันในคณะฯ ทั้งคนรุ่นเก่าคืออาจารย์ และคนรุ่นใหม่คือนักศึกษาในคณะฯ มีการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ ที่สามารถช่วยให้การสื่อสารออกไปสร้างความเข้าใจให้คนเก่าและคนใหม่ในพื้นที่ คงไว้ซึ่ง ‘ต้นทุนทางวัฒนธรรม’ ของชุมชนตลาดพลู
ซึ่งนับเป็น Core Value ที่มีมูลค่าและต่อยอดออกไปให้ทันสมัยผ่านนิทรรศการที่จัดออกมา 2 ส่วน คือ ในพื้นที่ตลาดพลูและวงเวียนใหญ่ ทำให้จุดประกายไอเดียของโครงการ แอสเสท (SC ASSET) หนึ่งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ในย่านตลาดพลู ได้เข้าร่วมการทำงานออกแบบเชิงศิลปะนำสินค้า DIY ซึ่งเป็นไฮไลท์ของย่านนี้ไปจัดแสดงไว้ในคอนโดจำลองเพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจคุณค่าของวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ซึ่งอยู่อาศัยมานาน
สำหรับแกนความคิดสร้างสรรค์ได้ถูกแบ่งไว้ 3 ส่วน ส่วนแรกทำให้คนรู้จักและสัมผัสของดีย่านตลาดพลู ด้วยการเปิดพื้นที่ให้คนได้สัมผัสจากการลงมือทำผ่านกิจกรรมลักษณะทำเวิร์คช็อป เช่น การจัดกิจกรรมระบายสีหัวสิงโต เนื่องจากในย่านนี้มีคณะเชิดสิงโตที่มีชื่อเสียง กิจกรรมเรียนรู้เรื่องการทำว่าว เนื่องจากย่านนี้มีแชมป์การเล่นว่าว และการเปิดพื้นที่โรงสีเพื่อให้เรียนรู้เรื่องเส้นทางการค้าข้าวในอดีต
ส่วนที่ 2 คือการหาความเป็นไปได้ใหม่ โดยเราอยากเห็นว่าในย่านเดิมที่มีคนใหม่เข้ามา จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ด้วยการใช้นิทรรศการนี้ในการสื่อสารรับความคิดเห็นของคนเดิมว่า อยากเห็นตลาดพลูในอนาคตแบบไหน โดยใช้การสื่อสารผ่านศิลปะเป็นตัวกระตุ้นความคิด การใช้แสงสีเพิ่มความสดใส มองเห็นง่าย
เช่น บริเวณศาลเจ้า นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ออกแบบแผนที่ย่านตลาดพลูให้เข้าถึงงาน และ ในส่วนที่ 3 คือการเปิดพื้นที่ให้กลุ่มคนในชุมชนที่เป็นพลังขับเคลื่อนของย่านนี้ เข้ามาร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองว่าจะทำอย่างไรกับย่านที่อยู่อาศัยที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง
สร้างระบบคิด ‘Design Thinking’ ต่อยอดมูลค่าจากคุณค่า
อาจารย์มาร์ค เล่าต่อว่า การที่นักศึกษาของคณะได้เข้าร่วม Bangkok Design weekทำให้นักศึกษาได้ลงสนามประสบการณ์จริง เรียนรู้วิธีคิด ลงมือทำ การแก้ปัญหา การใช้ความคิดสร้างสรรค์ สามารถนำไปปรับใช้พร้อมลงสนามการทำงานจริงหลังจากเรียนจบ ปูทางให้พร้อมกระโดดเข้าสู่สนามการทำงานได้อย่างรวดเร็ว คณะฯ เน้นการสอนให้นักศึกษาตีโจทย์สินค้าหรือบริการที่ได้รับ และสื่อสารออกมาในรูปแบบงานคิดสร้างสรรค์ เน้นสร้างคุณค่าและมูลค่าใหม่จากสินค้าหรือบริการเดิม
Design Thinking
หัวใจสำคัญของ Design Thinking คือ มองให้เห็นถึงคุณค่าของสินค้า เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเทคโนโลยีแต่เป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์นำ Core Value มาต่อยอดในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจ เช่น นักศึกษามีประสบการณ์สร้างมูลค่า ว่าวปักเป้า หัวสิงโต โมเดลไม้ ของดีชุมชนตลาดพูล ด้วยการถอดประสบการณ์ความชำนาญ ความปราณี นำมา Core Value เป็นนวัตกรรมรูปแบบบใหม่ เป็นเสื้อ โมเดล หรือจัดกิจกรรมเวิร์คช็อปให้คนได้มีส่วนร่วมและตระหนักถึงมูลค่าทางภูมิปัญญา จากเดิม ว่าว ขายสปอร์ตเซอร์ หัวสิงโต รับจ้างเชิดตามงาน โมเดลไม้ ประกอบแล้วเข็นขายตามงานต่าง ๆ
ในมุมของสังคมเกิดการตระหนักและมองเห็น สัมผัส ถึงคุณค่าจากวิถีชีวิตแบบเดิมผ่านมุมมองและรูปแบบใหม่ เราไม่อยากเสียต้นทุนทางวัฒนธรรมไปกับการเปลี่ยนแปลงของเวลาจากการเปลี่ยนของช่วงอายุคน เพราะเอกลักษณ์เกิดขึ้นได้ต้องใช้เวลานาน เราจะทำอย่างไรให้การเปลี่ยนแปลงของเมืองกับวิถีชีวิตเดิมและผู้คนเติบโตไปพร้อมกันได้ โดยเราคาดหวังว่าการถ่ายทอดแนวคิดนี้จะเป็นฐานเศรษฐกิจในอนาคตให้กับย่านนี้ได้ ซึ่งเป็นในรูปแบบใหม่ที่เข้ากับยุคสมัยซึ่งผู้คนที่อยู่อาศัยเดิมในพื้นที่สามารถใช้คุณค่าจากทักษะหรือประสบการณ์ส่งต่อไปยังคนรุ่นใหม่ ๆ
“อนาคตอาชีพของงานความคิดเชิงออกแบบ หรือ Design Thinking จะจำเป็นต่อทุกบริษัท คล้ายกับการที่บริษัทจะต้องมีฝ่ายกฎหมาย
ปัจจุบันสังคมมีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ธุรกิจที่จะอยู่ได้ต้องปรับตัวให้ทัน และจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการปรับตัวเพื่อสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ การติดอาวุธกระบวนการคิดแบบ Design Thinking นักคิดนวัตกรรม ช่วยให้นักศึกษาที่จบจากคณะออกแบบและสถาปัตยกรรม ของเรากลายเป็นที่ต้องการในตลาดในทุกสายอาชีพ มีค่าตัวสูง และยังมีความพร้อมที่จะก้าวออกไปสร้างธุรกิจของตนเอง หรือต่อยอดธุรกิจครอบครัวด้วยสร้างนวัตกรรม เพิ่มมูลค้าทางธุรกิจในรูปแบบใหม่ ๆ” อาจารย์มาร์ค เล่า
อาจารย์มาร์ค ผศ.ดร. ณัฐวุฒิ อัศวโกวิทวงศ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
เป็นที่มาของการออกแบบและสถาปัตยกรรมศาสตร์ เดิมชื่อว่า คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยศรีปทุม พร้อมกับเปิดหลักสูตรใหม่ ‘Design Innovation’เพื่อดึงเอาจุดแข็งในการสร้าง Talent ผ่านการปลูกฝังรากฐาน Design Thinking ทักษะด้านการออกแบบที่มาพร้อมความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการ เพื่อปรับเปลี่ยนและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ทันกับการถูกดิสรัปจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเร็วจากหลายมิติ
จากความรู้ในห้องเรียน สู่ระบบคิดในสนามงานจริง
กิ๊ฟ โชติรส จันเอก นักศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งตอนนี้ทำงานอิสระด้วยการรับออกแบบ เล่าถึงประสบการณ์บนสนามจริงให้ฟังว่า การได้เข้าร่วมทำงานกับคณะฯ ในการออกแบบนิทรรศการของ Bangkok Design week ได้รับประสบการณ์ที่ต่างออกไปจากการเรียนในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว ได้เรียนรู้งานจากพื้นที่จริง เดินลงพื้นที่คุยกับคนในชุมชน ได้รู้ปัญหาและสิ่งที่ชุมชนต้องการ ทำให้นำโจทย์ที่ได้มาคิดต่อยอดเพื่อนำเสนอออกมาผ่านนิทรรศการ
กิ๊ฟ โชติรส จันเอก
“ได้นำระบบวิธีคิดที่คณะสอนมาใช้ในงานจริงและได้เรียนรู้การทำงานกับคนที่หลากหลาย การเรียนสถาปัตยกรรมสามารถต่อยอดออกไปได้หลายอาชีพ ไม่ใช่แค่ออกแบบบ้านเพียงอย่างเดียว แต่สามารถปรับไปสู่การนำระบบคิดสร้างสรรค์ไปใช้ได้กับทุกงาน” อดีตนักศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เล่า
มิ้ม พัชรินทร์ เครือศรี นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งตอนนี้ทำงานอิสระด้านการออกแบบ เขียนแบบ เล่าว่า การทำงานในนิทรรศการตลาดพลู เริ่มจากการคัดเลือกสถานที่สำคัญที่มีจุดเด่นในย่าน แล้วใช้วิธีเดินสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้อง หลังจากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาเรียบเรียงเพื่อนำเสนอในรูปแบบดิจิทัลบนแอปพลิเคชันด้านท่องเที่ยวเพื่อแนะนำให้คนในพื้นที่ได้เข้าถึงความสำคัญและคุณค่าของย่านตลาดพลู ส่วนงานออกแบบในพื้นที่จะมีการแลกเปลี่ยนความคิดในทีม ทำงานเหมือนระบบงานของบริษัทจริง ๆ
มิ้ม พัชรินทร์ เครือศรี
สำหรับสิ่งที่ได้จากโครงการนี้คือได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ จากหลายฝ่ายที่ต้องทำงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นชุมชนเดิม การทำความเข้าใจกับความต้องการของคนที่เข้ามาอยู่ใหม่ ซึ่งจะต้องเก็บข้อมูลอย่างละเอียดและถูกต้องในการออกแบบ 1 ชิ้นงาน ซึ่งทำให้ได้กระบวนความคิดในการทำงานและสามารถนำไปเป็นวิธีคิดในการทำงานอื่น ๆ ได้ด้วย
ส่งต่อมรดกวัฒนธรรมรูปแบบใหม่
พี่จิ๋ม อรพิณ วิไลจิตร หนึ่งในชาวตลาดพลูหน้าใหม่ ผู้หลงใหลเสน่ห์ชุมชนตลาดพลู มีแนวคิดที่เปิดรับ พร้อมปรับตัวและดึงเอาคุณค่าในสินทรัพย์ของตัวเองออกมาสร้างมูลค่า โดยพี่จิ๋มเป็นเจ้าของอาคารสีเหลือง 3 ชั้น ที่ครั้งหนึ่งเป็นที่ทำการทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในอดีต มีการจัดกิจกรรมในพื้นที่พัฒนาย่านตลาดพลูอย่างต่อเนื่อง ชาวตลาดพลูหน้าใหม่ที่เข้ามาอาศัยในพื้นที่ไม่นาน แต่มีความสนใจ ร่วมกิจกรรมพัฒนาท้องถิ่นอย่างแข่งขัน
บรรยายกาศการนิทรรศการ Bangkok Design week 2023
โดยเริ่มต้นจากกิจกรรมเดินเมืองสํารวจย่านกิจกรรมเวิร์คช็อป เช่น DIY ประดิษฐ์งานคราฟ วาดเขียนสีนํ้า ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับเอกลักษณ์ของย่านตลาดพลู รวมถึงการจัดแสดงหุ่นกระบอกศิลปะจีนและมีการประชาสัมพันธ์ผ่าน FACEBOOK FANPAGE ‘ถามสิ อิฉันคนตลาดพลู’ ซึ่งมียอดผู้ติดตามจำนวนมาก
“การเข้ามามีส่วนร่วมของภาคการศึกษาในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญของการต่อยอดสร้างมูลค่าชุมชนตลาดพลูให้คงอยู่ไม่จางหายไปกับการเวลา โดยการต่อยอดสร้างมูลค่า “ของดี” ผ่านมุมมอง รูปแบบใหม่ ที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ”
ลุงตุ๋ย อาทร พูลศิริ เจ้าของผลิตภัณฑ์ งานโมเดลจำลองทำด้วยมือของทหารผ่านศึก ผู้ใช้ทักษะช่างไม้ที่สั่งสมมาทั้งชีวิต แกะแบบออกแบบโมเดลจำลองไม้ หาเลี้ยงชีพ ช่วงโควิดระบาด ด้วยการรับออเดอร์จากลูกค้าที่ต้องการโมเดลไปเป็นของขวัญในเทศกาลต่าง ๆ และเข็นขายในพื้นที่ตลาดพูล โดย 1 งาน ใช้เวลาทำนาน 8 ชั่วโมง แต่บางวันเข็นขายตั้งแต่เช้ายันเย็นกลับขายไม่ออกแม้แต่ชิ้นเดียว
โดยจากการเดินสำรวจของกลุ่มนักศึกษา ได้พบคุณลุงและพูดคุยถึงปัญหา พบว่าคุณค่าของงานคุณลุงอยู่ที่ ทักษะและประสบการณ์ที่สั่งสมไว้ หากนำสิ่งนี้มาคิดรูปแบบการนำเสนอใหม่ เปิดเวิร์คช็อปให้คนที่สนใจมาร่วมเรียนรู้ประกอบงานไม้ของตัวเอง จะทำให้คนเห็นคุณค่าของงานและบอกต่อ ทำให้คุณลุงมีออเดอร์เพิ่มขึ้น และได้ช่วยออกแบบแพคเกจจิ้ง เพิ่มความสวยงามให้งานไม้จำลองมีมูลค่าและมนต์คลังยิ่งขึ้น
“เด็กรุ่นใหม่เขาคิดเก่ง ทำงานของลุงมีคุณค่า น่าจดจำ มากขึ้น และลุงยังได้แบ่งปันประสบการณ์ให้คนรุ่นหลังได้เก็บไปเป็นแรงบันดาลใจและงานไม้จำลองของลุงอาจจะมีคนเห็นค่าและสืบทอดไว้”
พี่จิ๋ม อรพิณ วิไลจิตร หนึ่งในชาวตลาดพลูหน้าใหม่ ผู้หลงใหลเสน่ห์ชุมชนตลาดพลู