เรียนภาษาอังกฤษ

แยกให้ออก! สรุปการใช้ประโยคภาษาอังกฤษ 4 ชนิด ยิ่งรู้ยิ่งสนุก เข้าใจ Grammar พื้นฐาน

Home / ข่าวประชาสัมพันธ์ / แยกให้ออก! สรุปการใช้ประโยคภาษาอังกฤษ 4 ชนิด ยิ่งรู้ยิ่งสนุก เข้าใจ Grammar พื้นฐาน

เรียนแกรมมาร์มาตั้งหลายปี ลงเรียนมาแล้วก็หลายคอร์ส แต่เมื่อเห็นประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ ก็ยังทำให้หลายคนสับสนจนแปลไม่ออก เข้าใจผิดบริบท กลายเป็นสื่อสารผิด ตีความพลาดไปเสียได้ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะในภาษาอังกฤษ นอกจากจะต้องเข้าใจหน้าที่ของคำ (Part of Speech) และมีคลังคำศัพท์สะสมไว้มากๆ แล้ว ยังต้องเข้าใจหลักการเลือกใช้ประโยคและโครงสร้างประโยคด้วย!

สรุปการใช้ประโยคภาษาอังกฤษ 4 ชนิด

อย่าง 4 ชนิดประโยคในภาษาอังกฤษ ด้วยเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เข้าใจหลักไวยากรณ์หรือ Grammar พื้นฐานของภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น แถมยังเป็นรากฐานที่ดีของทักษะการเขียน (Writing) และการพูด (Speaking) ที่จะช่วยเสริมสกิลให้ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ใครที่ยังแยกไม่ออกว่า Simple Sentence, Compound Sentence, Complex Sentence และ Compound-Complex Sentence แตกต่างกันอย่างไร? และทำหน้าที่อะไรบ้าง? ไปหาคำตอบจากบทความนี้กันได้เลย!

1. Simple Sentence (ประโยคความเดียว)

เริ่มกันด้วยประโยคที่เบสิกที่สุดกับ Simple Sentence หรือประโยคความเดียว ซึ่งเป็นประโยคอิสระ (Independent clause) ที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง มีโครงสร้างประโยคแบบพื้นฐาน Subject + Verb สามารถสื่อความหมายได้ครบถ้วน โดยไม่ต้องใช้คำหรือส่วนขยายเข้ามา โดยสื่อเพียงหนึ่งความหมายหรือมีเพียงใจความสำคัญเดียวเท่านั้น อย่างเช่นประโยคว่า Rain falls. ที่หมายถึงฝนตก   จะประกอบไปด้วย Rain (S) + falls (V) เราสามารถเข้าใจความหมายของประโยคความเดียวนี้ได้เลย โดยไม่ต้องใช้ส่วนขยายเพิ่มเติมนั่นเอง

ตัวอย่าง Simple Sentence อื่นๆ ได้แก่

The sun shines brightly.  – ดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้า

She wrote a letter. – เธอเขียนจดหมาย

The cake is delicious. เค้กอร่อยมาก

2. Compound Sentence (ประโยคความรวม)

ถัดขึ้นมาอีกสเต็ปกับ Compound Sentence หรือประโยคความรวม ที่จะประกอบไปด้วยประโยคอิสระจำนวน 2 ประโยคขึ้นไป ที่จะถูกเชื่อมให้กลายเป็นประโยคเดียวกัน โดยที่ในแต่ละประโยคจะมีความสำคัญเท่ากัน และมีใจความที่เกี่ยวข้องกันด้วย และเพื่อให้ทั้ง 2 ประโยคที่ต้องการเชื่อมกันได้มีใจความที่สมบูรณ์และความหมายที่ชัดเจนมากขึ้น มักจะใช้ในบริบทที่เราต้องการอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม และการเชื่อมประโยคจะใช้ คำสันธานเชื่อมประโยค (Coordinating Conjunctions) ทั้ง 7 ตัว ได้แก่ For, And, Nor, But, Or, Yet, และ So โดยมีทริคให้จำแบบง่าย คือ FANBOYS เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ไปดูตัวอย่างประโยคกันเลย

ตัวอย่าง Compound Sentence ได้แก่

For 

The alarm clock went off, for it was time to get up.

I studied hard, for I wanted to get a good grade on the test.

And

The sun was shining, and the birds were singing.

She loves to read, and she enjoys hiking.

Nor

I don’t like coffee, nor do I like tea.

He has not been to Paris, nor has he been to London.

But

I was tired, but I kept working.

The movie was funny, but the ending was sad.

Or

Would you like coffee or tea?

You can stay home, or you can come with me.

Yet

He is only ten years old, yet he can play the piano beautifully.

The weather was bad, yet we decided to go hiking anyway.

So

I practiced every day, so I was confident in my performance.

It was raining heavily, so we had to cancel the picnic.

จุดสังเกตของ Compound Sentence คือในการเชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน จะมีการใช้ comma (,) คั่นกลางทั้งสองประโยค เว้นแต่บางประโยคที่สั้น จะเห็นว่าทั้งสองประโยคที่เชื่อมกันด้วย Coordinating Conjunctions โดยหากแยกประโยคออกจากกัน แต่ละประโยคก็ยังสามารถสื่อใจความของตัวเองได้อย่างครบถ้วน แต่เมื่อนำมารวมกันก็จะทำให้สื่อความที่ต้องการได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

3. Complex Sentence (ประโยคความซ้อน)

เพิ่มความซับซ้อนขึ้นมาอีกนิด กับประโยคความซ้อนหรือ Complex Sentence คืออนุประโยคที่มีความสำคัญไม่เท่าเทียมกัน แต่รวมอยู่ด้วยกัน โดยมี 1. ประโยคหลัก (Independent clause/Main clause) ที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง และ 2. ประโยครอง (Dependent clause/Subordinate clause) ซึ่งยังไม่สมบูรณ์ในตัวเองและไม่สามารถอยู่ตามลำพังได้ จะต้องทำหน้าที่พึ่งพาประโยคหลัก แสดงความเป็นเหตุเป็นผลเพื่อเสริมให้ใจความทั้งหมดมีความสอดคล้องและสมบูรณ์มากขึ้น

ข้อสังเกตคือ Complex Sentence จะมีการใช้ คำอนุสันธาน (Subordinating Conjunctions) เช่น because, while, after, although, if, unless เป็นต้น ทำหน้าที่ในการเชื่อมประโยคหลักและประโยครองเข้าด้วยกัน ในกรณีที่นำประโยครองขึ้นก่อน จะมีการใช้ comma (,) คั่นก่อนหน้าประโยคหลัก

ตัวอย่าง Complex Sentence ได้แก่

She was happy because she received a good grade.

(ประโยคหลัก: She was happy. ประโยครอง: she received a good grade)

Although she was nervous, she gave a fantastic presentation.

(ประโยคหลัก: She gave a fantastic presentation. ประโยครอง: She was nervous.)

The woman who lives next door is a famous painter.

(ประโยคหลัก: The woman is a famous painter. ประโยครอง: Who lives next door.)

If you finish your homework, you can play video games later.

(ประโยคหลัก: You can play video games later. ประโยครอง: If you finish your homework.)

4. Compound-Complex Sentence (ประโยคความรวมความซ้อน)

ประโยคความรวมความซ้อน หรือ Compound-Complex Sentence เป็นส่วนผสมระหว่าง Compound และ Complex Sentence ซึ่งจะประกอบไปด้วยประโยคหลัก (Independent clause/Main clause) อย่างน้อย 2 ประโยค และประโยครอง (Dependent clause/Subordinate clause) อย่างน้อย 1 ประโยค

ตัวอย่าง Compound-Complex Sentence ได้แก่

The children played in the park while their parents enjoyed a picnic, and the dog chased butterflies.  (มีการเชื่อมสองประโยคหลักด้วย While ได้แก่ The children played in the park. และ Their parents enjoyed a picnic พร้อมกับอีกหนึ่งประโยครองที่เชื่อมด้วย And ได้แก่ The dog chased butterflies.)

Since the storm clouds were gathering ominously, we decided to pack up our picnic early, so we wouldn’t get caught in the rain.

(มีการเชื่อมสองประโยคหลักด้วย Since ได้แก่ The storm clouds were gathering ominously. และ We decided to pack up our picnic early. และใช้ So เชื่อมกับประโยครอง ได้แก่ We wouldn’t get caught in the rain.)

หวังว่าประโยคภาษาอังกฤษ 4 ชนิดที่ได้นำมาแชร์ในวันนี้จะทำให้หลายคนเข้าใจรูปประโยคต่างๆ ในภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น พร้อมช่วยเสริมสกิลการใช้ภาษาอังกฤษให้มีความถูกต้องและแม่นยำขึ้น

เราจะเห็นได้ว่าในภาษาอังกฤษมีการใช้โครงสร้างประโยคที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Simple, Compound, Complex ไปจนถึงขั้น Advance อย่าง Compound-Complex Sentence เพื่อเสริมใจความสำคัญและอธิบายเนื้อหาที่มีความซับซ้อนได้อย่างครบถ้วนและดูสละสลวย แรกๆ อาจจะชวนสับสนบ้างเล็กน้อย แต่หากได้รู้ทริกและจับแนวทางการใช้ได้ เช่น สังเกตการใช้คำเชื่อม การใช้ Comma, สังเกต Subject + Verb บวกกับดูตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษเยอะๆ รับรองว่าสกิลการเขียนและการพูดภาษาอังกฤษต้องอัประดับแน่นอน

สำหรับใครที่อยากสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ พูดได้เป๊ะแบบเจ้าของภาษา ที่ Xchange English เราเป็นแหล่งรวมคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ครอบคลุมทุกบทเรียนเกี่ยวกับ English ไว้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ Grammar พื้นฐาน เทคนิคจำคำศัพท์ การสื่อสารเบื้องต้น ไปจนถึงคอร์สเข้มข้นติว TOEIC TOEFL กันแบบเข้าใจถึงแก่น สามารถนำไปใช้ได้จริง เนื้อหาเหมาะสำหรับน้องๆ นักเรียนนักศึกษา และมืออาชีพแบบวัยทำงาน ดูแลด้วยทีมอาจารย์และติวเตอร์มากประสบการณ์ ที่สำคัญยังเรียนได้สะดวก เข้าถึงง่าย เพราะเป็นคอร์สออนไลน์ เสามารถจัดสรรเวลาเรียนได้ด้วยตัวเองเลย!

สนใจสมัครเรียน Grammar พื้นฐาน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

  • Facebook: Xchange English
  • Tel. 080-480-8558