แค่จะใช้สมาร์ตโฟนตอบข้อความ หรืออ่านหนังสือเล่มโปรดก็กลายเป็นเรื่องน่ารำคาญ เพราะภาพและตัวอักษรที่มองเห็นนั้นพร่ามัว แม้จะพยายามเพ่งเล็งมากขนาดไหน หรือผ่อนคลายสายตาแล้วภาพก็ยังไม่ชัดเจน แต่เมื่อลองขยับจอ ขยับวัตถุออกไปไกลๆ แล้วดันเห็นชัดเจนซะงั้น! ปัญหาเหล่านี้ อาจไม่ใช่แค่ความเมื่อยล้าทั่วไป แต่อาจเป็นสัญญาณของ ‘สายตายาว’ ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัว
หลายคนเลือกพึ่งพาแว่นตาหรือคอนแทกต์เลนส์เป็นทางออก แต่รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันมีทางเลือกการรักษาอย่าง ‘การทำเลสิก’ เทคโนโลยีการแพทยืขั้นสูงที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาสายตายาวได้แบบชัดเจน ให้ผลลัพธ์ในระยะยาว ทั้งมาพร้อมความปลอดภัย บทความนี้จะพาเราไปรู้จักกับภาวะสายตายาว สาเหตุ ผลกระทบ และทางเลือกในการรักษาสายตายาว ด้วยเลสิกกัน ใครที่เผชิญอาการสายตายาวอยู่ อยากมองหาแนวทางการรักษาที่มั่นใจด้านความปลอดภัยได้ ตามมาศึกษาไปพร้อมกันได้เลย
สายตายาวคืออะไร
สายตายาว (Hyperopia หรือ Hypermetropia) คือภาวะการมองเห็นที่ผู้ป่วยสามารถมองวัตถุในระยะไกลได้ชัดเจน แต่เมื่อต้องเพ่งมองใกล้ เช่น อ่านหนังสือ หรือใช้โทรศัพท์มือถือ กลับมองเห็นได้ไม่ชัด มีอาการพร่ามัว ปวดตา หรือมึนหัวร่วมด้วย โดยปกติภาวะนี้เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างตา เช่น ลูกตาสั้นเกินไป หรือกระจกตามีความโค้งน้อย ทำให้ภาพที่มองเห็นโฟกัสเลยจอประสาทตาไป สายตายาวพบได้ในทุกวัย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีสายตายาวตามวัย ซึ่งต่างจากสายตายาวโดยกำเนิดที่พบตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น
เลสิกคืออะไร
เลสิก (LASIK – Laser-Assisted In Situ Keratomileusis) คือ วิธีผ่าตัดแก้ไขค่าสายตาด้วยเลเซอร์ชนิดพิเศษ ซึ่งช่วยปรับรูปร่างกระจกตาให้แสงที่เข้าสู่ดวงตาสามารถโฟกัสตรงที่จอประสาทตาได้อย่างแม่นยำ ในกรณีของผู้ที่มีสายตายาว เลสิกจะช่วยเพิ่มความโค้งของกระจกตาให้พอดีกับความยาว หรือขนาดลูกตา ทำให้เราสามารถมองเห็นภาพใกล้ได้ชัดเจนขึ้น โดยเทคโนโลยีเลสิกในปัจจุบันได้พัฒนาขึ้นออกเป็นหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาของแต่ลบุคคลให้ได้มากที่สุด เช่น
● FemtoLASIK ที่ใช้เลเซอร์แยกชั้นกระจกตาโดยไม่ต้องใช้ใบมีด
● Wavefront LASIK สามารถปรับเลเซอร์ให้เหมาะสมกับค่าสายตาเฉพาะของแต่ละบุคคล
● PresbyLASIK ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผู้ที่มีสายตายาวตามวัย
จุดเด่นของการรักษาสายตายาวด้วยเลสิก
จุดเด่นของการรักษาสายตายาวด้วยเลสิก คือ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น หรือกลับมามีค่าสายตาปกติอีกครั้ง ภายหลังการทำเลสิกไม่นาน และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแว่นตาหรือคอนแทกต์เลนส์อีกต่อไป ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การออกกำลังกาย เดินทาง หรือทำงานที่ต้องใช้สายตาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การผ่าตัดด้วยเลสิกยังใช้เวลาไม่นาน ไม่ก่อให้เกิดแผลเป็นขนาดใหญ่ ใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างไว มีอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงน้อย และที่สำคัญคือ การทำเลสิกจะเป็นการใช้เทคโนโลยีทางการแพทยืที่ทันสมัย ปลอดภัย และได้รับการรับรองตามมาตรฐานระดับสากล จึงมั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัยของการรักษาในระยะยาวนั่นเอง
ใครบ้างที่เหมาะกับเลสิก
การเข้ารับการรักษาสายตายาวด้วยเลสิกนั้นจำเป็นต้องได้รับการประเมินโดยจักษุแพทย์อย่างละเอียดก่อน เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ได้ ผู้ที่เหมาะสมมักมีคุณสมบัติเบื้องต้น เช่น มีอายุ 18 ปีขึ้นไปและค่าสายตาคงที่อย่างน้อย 1 ปี ไม่มีโรคตาเรื้อรังที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการผ่าตัด เช่น กระจกตาบาง ต้อกระจก หรือต้อหิน รวมถึงไม่มีโรคทางระบบที่ส่งผลต่อการสมานแผล เช่น เบาหวานชนิดรุนแรง นอกจากนี้ ควรมีสุขภาพดวงตาและสุขภาพร่างกายโดยรวมที่ดี เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุดในระยะยาว
การเตรียมตัวก่อนและดูแลหลังการทำเลสิก
การเตรียมตัวก่อนและการดูแลหลังการทำเลสิกเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ก่อนเข้ารับการรักษา ผู้ป่วยควรหยุดใส่คอนแทคเลนส์ล่วงหน้าอย่างน้อย 3–7 วัน เพื่อให้กระจกตากลับสู่สภาพปกติ และในวันผ่าตัดควรงดแต่งหน้าและไม่ใช้ครีมบริเวณรอบดวงตา นอกจากนี้จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจวัดค่าสายตาและความหนาของกระจกตาอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การดูแลหลังการทำเลสิก ควรพักสายตาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการขยี้ตา และระวังไม่ให้ดวงตาสัมผัสกับน้ำหรือฝุ่นในช่วงแรก ควรใช้ยาหยอดตาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และกลับมาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อประเมินผลและติดตามความคืบหน้าในการฟื้นตัว
การทำเลสิก คือเทคโนโลยีการผ่าตัดด้วยเลเซอร์ที่ช่วยปรับรูปร่างกระจกตา เพื่อแก้ไขปัญหาค่าสายตาที่ผิดปกติ รวมถึงภาวะสายตายาวได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน ลดการพึ่งพาแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจรักษาด้วยวิธีนี้ ควรเข้ารับการตรวจและประเมินโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าเหมาะสมกับสภาพดวงตาและจะได้รับผลลัพธ์ที่ปลอดภัยมากที่สุด