ในวันอาทิตย์ที่ 29 ต.ค. 60 หลังเสร็จพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ กลับ จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เตรียมเสด็จฯ กลับ
พระเทพฯ อ่อนน้อม-ยกพระหัตถ์ไหว้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์
โดยก่อนทรงพระดำเนินขึ้นรถพระที่นั่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงคม (ไหว้) ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ที่ประทับยืนส่งเสด็จ โดยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงโอบกอดสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทรงโบกพระหัตถ์ลา
** ตามยศศักดิ์แล้ว ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์นั้นศักดิ์น้อยกว่าสมเด็จพระเทพฯ (เนื่องจากทรงประกาศลาออกจากฐานันดรศักดิ์เป็นสามัญชนในปี 2515) แต่ในฐานะครอบครัวเดียวกัน ทูลกระหม่อมหญิงนั้นเป็นพี่สาวคนโต
โดยก่อนทรงพระดำเนินขึ้นรถพระที่นั่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงคม (ไหว้) ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ที่ประทับยืนส่งเสด็จ
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงโอบกอดสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทรงโบกพระหัตถ์ลา
ภาพเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2560
ความอ่อนน้อมนี้ เรายังได้เห็นจาก เมื่อคราวที่สมเด็จย่าฯ
อ่อนกันไว้ก่อนดีกว่า : จริยวัตรงดงามของ 2 สมเด็จ
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.7) และ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จย่า // บทความในหนังสือ ‘ดิฉัน’ จากคำตรัสเล่าของ ‘ม.จ.ไกรสิงห์ วุฒิชัย’
“ ครั้งหนึ่ง ท่านชายทรงเล่าว่า … เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาแต่งตั้ง ‘สมเด็จย่า’ ให้ขึ้นเป็น ‘สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี’ ก็เผอิญมีงานหลวง ที่ทั้งสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี และสมเด็จพระศรีนครินทราจะเสด็จฯ แต่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเสด็จถึงก่อน
ในงานมีเก้าอี้ที่ประทับ 2 ที่เยื้องๆ กัน…
เมื่อเสด็จตรงไปที่ที่ประทับ ก็ทรงเห็นเก้าอี้ประทับ 2 ที่ เหมือน ๆ กัน … แต่ทว่า ที่ประทับที่หนึ่งขยับตัวเยื้องมาอยู่ข้างหลัง ไม่เทียมกัน สมเด็จฯ จึงทรงตรัสแก่ท่านชายในภายหลังว่า ด้วยเพราะบ้านเราไม่เคยมียศตำแหน่ง “ศรีนครินทรา” มาก่อน พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยไม่ถูก ไม่ทรงทราบว่าจะประทับที่ใดดี
ด้วยความ “อ่อนกันไว้ก่อนดีกว่า” ในความงดงามของการเป็นคนไทย สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี จึงทรงประทับลง ณ ที่เก้าอี้ที่ตั้งถัดมาข้างหลัง
สักพักสมเด็จพระศรีนครินทราฯ เสด็จมาถึง ทรงตกพระทัยเป็นอย่างยิ่งเมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นว่า สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีทรงประทับ ณ พระที่นั่งที่ตั้งเยื้องมาอยู่ข้างหลังนั้น
‘สมเด็จย่า’ ทรงทรุดองค์ลงประทับกับพื้นในทันใด
ในความตกใจของทั้งงาน ‘สมเด็จย่า’ ทรงทรุดองค์ลงประทับกับพื้นในทันใด แล้วทรงหมอบกราบ ‘สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี’ พร้อมตรัสว่า
“หากสมเด็จฯ ไม่ทรงเสด็จประทับที่เก้าอี้ตัวหน้า หม่อมฉันก็จะนั่งอยู่กับพื้นนี้แหละ จนกว่าจะเสร็จงาน”
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีก็ทรงตกพระทัยเช่นกัน ที่สมเด็จย่าทรงประทับหมอบลงกับพื้น ท่านจึงทรงตรัสกับนางสนองพระโอษฐ์ สั่งให้เจ้าหน้าที่มาเลื่อนทั้ง 2 ที่ประทับให้มาตั้งเคียงกัน
สมเด็จย่าก็ยังไม่ทรงยอมอยู่ดี ตรัสขอให้อย่างน้อยที่ประทับของท่านเองนั้น ต้องเยื้องมาอยู่ที่ด้านหลัง หรือ “อ่อนกันไว้ก่อนดีกว่า” เช่นกัน…
เรื่องที่นำมาเล่านี้ คือคนเรานั้น ให้ ‘อ่อนกันไว้ก่อนดีกว่า’ จริงๆ ”
พระราชจริยวัตรทั้ง 2 องค์ ทรงงดงามเหลือเกิน
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี (ประทับนั่ง) ทรงร่วมทอดพระเนตรการบิน / ภาพโดยคุณ Win Win
ความอาวุโส ในราชวงศ์
… ในราชวงศ์ ถ้าเป็นการภายในทรงนับอาวุโสที่เคยนับถือกันมาแต่แรกเลยทีเดียว พูดภาษาชาวบ้านคือ สมัยเด็กๆ สมัยหนุ่มๆ สาวๆ ใครไหว้ใครมาก่อน มาภายหลังได้ยศได้ฐานันดรสูงขึ้น ท่านก็ไม่เคยลืมว่าแต่เดิมท่านเคยไหว้ใครกราบใครท่านก็ทำอย่างนั้น แม้จริงๆ แล้วท่านไม่จำเป็นต้องกราบหรือทรงคมเลย เช่น เมื่อครั้งพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร เสด็จตำหนักเลอดิสเข้าเฝ้าฯสมเด็จเจ้าพระพี่นางเธอฯ สมเด็จฯ กลับทรงออกมารับ “พี่หญิงตุ๊” ทรงจูงมือเข้าตำหนัก เมื่อพระองค์หญิงทรงคม สมเด็จฯทรงคมกลับทันทีในลักษณะที่ว่า “รับกันแทบไม่ทัน”
คนที่เคยไม่รู้เรื่องราชวงศ์ อาจไม่เข้าใจว่า ทำไมสมเด็จเจ้าฟ้าพระพี่นางของพระเจ้าแผ่นดิน ต้องไหว้ให้เจ้านายชั้นพระองค์เจ้า ก็เพราะพระองค์หญิงวิมลฉัตรแรกประสูติเมื่อปี 2464 เป็นพระองค์เจ้าทันที และตามศักดิ์แล้วเป็นพี่สาว (ลูกพี่ลูกน้อง) ของสมเด็จพระพี่นางซึ่งประสูติภายหลังในปี 2466 และเป็นเพียงหม่อมเจ้าก่อนจะทรงได้รับสถาปนาเป็นพระองค์เจ้าในภายหลัง ต่อมาเมื่อทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าฯ ก็ยังทรงเคารพนับถือ “พี่หญิงตุ๊” เหมือนเดิมมิเคยเสื่อมคลาย กล่าวคือพระองค์หญิงวิมลฉัตรทรงคมสมเด็จพระพี่นางฯในฐานะที่ทรงเป็น “สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวง” ส่วนสมเด็จพระพี่นางทรงรีบคมกลับพระองค์หญิงวิมลฉัตรในฐานะที่พระองค์หญิงทรงเป็น “พี่หญิงตุ๊” ของสมเด็จมาแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์
ซึ่งก็ไม่ต่างจากสมเด็จย่ากับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพฯ สมเด็จย่าท่านทรงถือว่าท่านเป็นสามัญชน เป็นเพียงหม่อม ท่านเคยไหว้เคยกราบ “ท่านหญิงนา” ที่เมื่อแรกประสูติเป็นหม่อมเจ้ารำไพพรรณีมาแต่ไหนแต่ไรท่านก็ทำแบบนั้นมาตลอดครับ
รูปที่บอกว่า ทรงคมรับกันไม่ทัน จะเข้าใจเรื่องที่แอดมินนำมาลงได้เป็นอย่างดี ในราชวงศ์ท่านมองว่าพระยศที่ได้มาทีหลัง คือเปลือกนอกทางราชการ สำหรับออกงานต่างๆ ส่วนภายในท่านรู้กันเองว่าใครจะไหว้ใครก่อน ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ผู้คนกำลังนั่ง / โดยคุณ Dusit Ratchawong
การประทับยืนตามลำดับพระยศ แห่งราชวงศ์
สูงสุดคือ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ถัดมาคือ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี , สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี , สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
พระจิรวัตรอันงดงามของทุกพระองค์
ส่วนสองภาพสุดท้ายนำมาฝากค่ะ ภาพน่ารักของพระองค์ท่าน
เรียบเรียงโดย www.campus-star.com
ที่มา : บทความในหนังสือ ดิฉัน จากคำตรัสเล่าของ ม.จ. ไกรสิงห์ วุฒิชัย / เพจ หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ , ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี