ความแตกต่าง นักร้องเกาหลี นักร้องไทย

10 ข้อแตกต่าง ระหว่าง นักร้องเกาหลี VS นักร้องไทย

Home / เรื่องทั่วไป / 10 ข้อแตกต่าง ระหว่าง นักร้องเกาหลี VS นักร้องไทย

เคยสังเกตไหมว่านักร้องเกาหลีกับนักร้องไทยเค้ามีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง?? วันนี้เราขอนำเสนอความแตกต่างระหว่างนักร้องเกาหลีกับนักร้องไทยจากบรรดาคอเกาหลีตัวจริงมาให้ชมกัน ซึ่งแต่ละคนก็บอกว่า 10 อันดับต่อไปนี้นี่เป๊ะมาก!

นักร้องเกาหลี VS นักร้องไทย

การฆ่าตัวตาย

เริ่มต้นกันเลย อันดับที่ 10 ดารานักร้องเกาหลีฆ่าตัวตายกันบ่อยมาก ไม่รู้จะเครียดหรือกดดันอะไรนักหนาจึงต้องหาทางออกของชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย ปีหนึ่งมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกัน 3-4 รอบเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากสังคมเกาหลีเป็นสังคมที่พร้อมจะสรรเสริญคนทำดีให้รุ่งเรือง แต่ก็พร้อมจะเหยียบย่ำคนที่ทำผิดให้ล่มจมเลยทีเดียว

ดังนั้นบางคนที่หลงทำผิดรุนแรง อาจจะกลัวเจอการเหยียบย่ำ จึงตัดสินใจจบปัญหาชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายอย่างที่เห็น ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ…. ส่วนดารานักร้องไทย ปัญหาการฆ่าตัวตายแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ แต่จะไปมีปัญหาเรื่องใครเป็นพ่อของเด็กตัวจริงกันแน่ โอ้! รีบๆข้ามไปอันดับอื่นเลย ฮ่าๆ

เพลงฮิต

ถัดมาที่อันดับที่ 9 คือ เพลงเกาหลีส่วนมากที่ดังๆ จะเป็นเพลงเร็วมากกว่าเพลงช้า หรือเพลงที่เป็นซิงเกิ้ลแรกนั่นเอง อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงนิยมโปรโมตกันแต่เพลงเร็ว อาจเพราะต้องการให้นักร้องได้โชว์ความสามารถในการเต้น แฟนๆ เกาหลีก็ชอบกันนัก แต่บางทีก็น่าเสียดาย เพราะสมมุติว่าในอัลบั้มมีทั้งหมด 10 เพลง ก็ดันโปรโมตกันแต่เพลงเร็ว 2 เพลงแรก ทั้งๆ ที่ในอัลบั้มนั้นมีเพลงช้าเพลงอื่นๆ ที่เพราะอีกเยอะมาก แต่กลับไม่ให้นักร้องมาโชว์พลังร้องเพลงช้ามากเท่าที่ควรจะเป็น

ส่วนเพลงไทยนั้น เพลงที่ฮิตติดหูก็จะมีทั้งเพลงช้าเพลงเร็วสลับกันไป ไม่ได้มาเน้นดันแต่พวกเพลงเต้นๆอย่างเดียว ยิ่งพวกเพลงช้าเพราะๆซึ้งๆอกหักๆหน่อย นี้ยิ่งถูกใจวัยรุ่นกันดีนัก โปรโมตหมดทุกเพลงทั้งอัลบัมถ้าคุณภาพเจ๋งจริง อันนี้ถือว่าเป็นข้อดีมากๆ เลยนะเนี่ย

แอนตี้แฟนคลับ

ถัดมาอีกในอันดับที่ 8 ดารานักร้องเกาหลีมีแอนตี้แฟนที่น่ากลัวมาก เกลียดกันจริงจังมาก ถึงกับมีสมาคมแอนตี้แฟนตั้งขึ้นเป็นกลุ่มเลยทีเดียว ถ้านักร้องคนนั้นขึ้นมาร้องเพลงบนเวที พวกแอนตี้แฟนก็จะโห่ไล่ ทำป้ายมาด่า หรือด่าลงในอินเทอร์เน็ตที่ใช้คำหยาบคายแบบรุนแรงสุดๆ หรือบางทีก็เล่นกันถึงชีวิต เช่น กรณีของยุนโฮ ดงบังชินกิ ที่เคยเจอแอนตี้แฟนลอบทำร้าย ด้วยการผสมกาวลงไปในเครื่องดื่มให้กิน จนถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว โหดแท้เหลา

ส่วนนักร้องไทยไม่มีกลุ่มแอนตี้แฟนคลับรุนแรงอะไรขนาดนี้ อย่างมากก็จะเป็นแค่โพสต์แสดงความคิดเห็นในอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ถ้าใครกำลังเป็นกระแสอะไรดังๆ ไม่ถึงกับทำร้ายให้เจ็บตัวหรือเสื่อมเสียชื่อเสียงขนาดนั้น แต่จะออกแนวฟังอยู่ดีๆ แล้วลุกขึ้นมาตีกันเองมากกว่า ถ้าใครแหลมร้องเพลงเพื่อชีวิตขึ้นมา! ฮา…

ความสนิทสนมกับนักร้องค่ายอื่น

มาที่อันดับที่ 7 นักร้องเกาหลี ถึงแม้อยู่คนละบริษัทคนละค่าย ก็สามารถมาร้องเพลงบนเวทีเดียวกันได้ แถมยังสนิทกันมากๆ เพราะในรายการคอนเสิร์ตต่างๆ ในแต่ละสัปดาห์นั้น จะมีนักร้องหลายๆ ค่ายมาขึ้นเวทีเดียวกัน แถมบางครั้งยังมี special stage ด้วยการให้นักร้องต่างค่ายมาร้องเพลงด้วยกันอีกแนะ จึงทำให้นักร้องเกาหลีต่างค่ายหลายคู่สนิทกันมากๆ เช่น แจจุง ดงบังชินกิ กับ ฮยอนจุง SS501 หรือจะเป็น นิโคล Kara กับ คีย์ Shinee ต่างก็เป็นเพื่อนซี้ปึ๊กมากๆ นั่นเอง หรือจะเป็นการร้องเพลงดูเอทในอัลบั้ม ที่ศิลปินต่างค่าย จะมาช่วยร้องคู่หรือช่วยร้องแร็พ ก็เป็นอะไรที่ปกติมากๆ สำหรับวงการบันเทิงของเกาหลี ไม่มีพรมแดนระหว่างค่ายจริงๆ

ส่วนนักร้องไทยนั้นหรือ หาโอกาสยากมากๆ ที่ศิลปินต่างค่ายจะได้มาขึ้นเวทีเดียวกัน ยกเว้นอีเวนท์พิเศษจริงๆ เช่น เพลงช่วยชาติ เพลงปลุกใจอะไรทำนองนั้น หรืออย่างเหตุการณ์ประสบอุทกภัยน้ำท่วมก็ถึงจะได้มีโอกาสมาร้องเพลงด้วยกัน เป็นต้น

หัวหน้าวง

อันดับที่ 6 แล้วนะเนี่ย นักร้องเกาหลีต้องมี “ลีดเดอร์” หรือหัวหน้าวงอย่างชัดเจน ซึ่งส่วนมากก็จะยกตำแหน่งนี้ให้คนที่มีอายุมากที่สุดในวงไปโดยปริยาย เช่น แทยอน snsd , อีทึก super junior , คยูริ kara เป็นต้น ซึ่งการเป็นลีดเดอร์นั้นก็จะมีหน้าที่คอยตอบคำถามเวลาไปออกรายการต่างๆ (สมาชิกในวงมีเยอะมาก ไม่รู้จะให้ใครตอบ ดังนั้นจึงต้องมีลีดเดอร์ขึ้นมาเพื่อการณ์นี้) รวมถึงเวลาที่ในวงมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ลีดเดอร์ก็จะต้องเป็นคนหลักๆ ที่จะตัดสินใจอีกด้วย

ส่วนนักร้องไทยนั้น ไม่ค่อยมีตำแหน่งหัวหน้าวงที่ชัดเจนเท่าไหร่ หรือไม่มีเลยเพราะไม่ได้สลักสำคัญอะไรมาก มีหรือไม่มีก็เท่าเทียมกันทุกคนอยู่แล้ว ((เขาเรียกมีสิทธิเท่าเทียมกัน อิอิ))

การเป็นเด็กเทรนด์

ครึ่งทางแล้วกับอันดับที่ 5 นักร้องเกาหลีก่อนจะได้เดบิวต์นั้น ต้องฝึกหัดกันมาก่อนและนาน มว๊าก!! นานกันจนลืมโลกจริงๆ บางคนเป็นศิลปินฝึกหัดกันตั้งแต่ฟันแท้ซี่แรกเพิ่งขึ้น (ขนาดนั้นเลย) บางคนยาวนานเกือบ 10 ปีก็มี เช่น ซอนเย wonder girls , โจควอน 2am , เจสสิก้า snsd และในการฝึกของเค้านั้น ถึงแม้จะรอเดบิวต์เพื่อเป็นนักร้อง แต่ก็ไม่ได้ฝึกกันแค่การร้องเพลงอย่างเดียว แต่เค้าฝึกกันหมดไม่ว่าจะเป็นทักษะการแสดง การเต้น การเป็นพิธีกร ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยเวลาเห็นนักร้องเกาหลีผันตัว ไปเล่นละครแล้วเล่นออกมาได้อินมากๆ

ส่วนนักร้องไทยนั้น ส่วนมากฝึกหัดกันแป๊บๆ ปีสองปีก็ได้ออกแล้วล่ะค่ะ เพราะส่วนมากถ้าฝึกหัดกันนานมากๆ จะกลายเป็นโดนดองไปซะมากกว่า หรือไม่ก็มาจากการประกวด เดอะสตาร์มั่ง AF มั่ง ประกวดนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด ไทยแลนด์กอดทาเล้นท์ก็ด้วย มันเป็นศิลปะ ผมให้ผ่านครับ!

ศิลปินกลุ่ม

อันดับที่ 4 เป็นเรื่องศิลปินกลุ่มนั่นเอง ศิลปินนักร้องเกาหลีที่เป็นกลุ่ม (บอยแบนด์ หรือ เกิร์ลกรุ๊ป) จะค่อนข้างดังกว่านักร้องที่ออกมาเดี่ยวๆ ยิ่งคนเยอะยิ่งดัง เวลาขายก็ขายเป็นแพ็ค ถ้าใครดังโดดเด่นออกมาก็จะสามารถขายเดี่ยวๆ ได้ หรือแบ่งแยกเป็นวงมินิย่อยๆออกมาอีกที จะแยกยิบย่อยไปไหน

แต่นักร้องไทยส่วนมากที่มีเพลงฮิตๆ ติดหูเรา ส่วนมากจะเป็นนักร้องเดี่ยวหรือไม่ก็เป็นวงดนตรี น้อยมากที่จะเห็นเพลงดังเปรี้ยงปร้างเป็นพวกวงบอยแบนด์ หรือ เกิร์ลกรุ๊ปในไทยเหมือนของเกาหลี

การอยู่หอพัก

มาต่อกันเลยในอันดับที่ 3 นักร้องเกาหลีที่เป็นกลุ่ม มักต้องอยู่หอพักด้วยกัน เพื่อให้สะดวกต่อการไปทำงาน เวลาไปก็จะได้กระโดดขึ้นรถพร้อมกันแล้วไปเลย ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่า การอยู่หอพักเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ว่ามันจะมีเป็นลำดับขั้น เช่น ใน ตอนแรกที่เดบิวต์ใหม่ๆ ยังไม่ดังมาก ก็จะได้อยู่หอพักเล็กๆ ไปก่อน แต่พอเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ได้รับรางวัลนั้นนี้ เพลงติดชาร์ทอันดับ 1 ก็อาจจะได้ย้ายไปอยู่หอพักใหม่ที่ใหญ่ขึ้น สบายขึ้น หรือถ้าใครในวงมีผลงานที่เด่นกว่าเพื่อน ก็อาจจะได้รับสิทธิพิเศษให้นอนห้องเดี่ยวเลยก็ได้

ส่วนไทยเหรอ……ก็นอนที่บ้านไง ไม่ต้องมีหอพักให้ยุ่งยาก 5555 แต่ว่าดีนะ เพราะทำงานกลับมาเหนื่อยๆ ได้กลับมาที่บ้านเจอหน้าคนในครอบครัว เหนื่อยแค่ไหนก็หายเป็นปลิดทิ้ง

การศึกษากับการทำงานในวงการบันเทิง

การศึกษากับการทำงานในวงการบันเทิงมาถึงอันดับที่ 2 ดารานักร้องเกาหลีส่วนมาก ต้องดร็อปการเรียนเพื่อมาทำงานในวงการบันเทิง ดังนั้นแม้แต่นักร้องดังๆ บางคน อายุปาไปจะ 30 ก็ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยเลย (สวดยวด!!!!)

ของไทยนี่ไม่ได้เลยนะคะ ต้องทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย ถึงจะถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีน่าชื่นชมให้กับแฟนคลับ ดังนั้นในประวัติของนักร้องเกาหลี เค้าจะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องประวัติการเรียนกันเท่าไร แต่นักร้องไทยนี่ ร่ายกันมาตั้งแต่เตรียมอนุบาลเลยว่าเรียนที่ไหน เรียนจบมหาวิทยาลัยอะไรยังไง รู้กันหมด และบางครั้งก็เห็นเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า จนต้องทิ้งอาชีพในวงการบันเทิงเพื่อไปเรียนต่อเลยนะเนี่ย

ความเป็นกันเองกับแฟนคลับ

นี้เลยอันดับที่ 1 ดารานักร้องเกาหลีเข้าถึงตัวยากมาก เปรียบประดุจดังเทวดานางฟ้า เดินห้างก็ไม่ค่อยได้ เวลาไปเดินห้าง ต้องพรางตัวด้วยแว่นดำใส่หมวกใส่ผ้าปิดปาก ( เว่อร์!!!!!! ) แม้กระทั่งกับแฟนคลับเกาหลีด้วยกันเองยังไม่สามารถเข้าถึงได้ สังเกตได้ง่ายๆ ว่าไม่ว่าศิลปินจะไปไหนมาไหนก็จะมีผู้จัดการวงคอยห้อมล้อมประดุจไข่ในหิน ตลอดเวลา และถ้าหากมีแฟนคลับคนไหนกล้าเข้าไปแตะตัวศิลปินแม้แต่น้อย อาจจะโดนผู้จัดการวงลากออกไปด่าหรือเสยหน้าตรงนั้นเลยก็ได้ (เรื่องจริงนะเออ!) ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคนเกาหลีถึงดูคลั่งไคล้ศิลปินดาราในประเทศตัวเองกัน แบบเว่อร์ๆ ก็เพราะเค้าหาโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดยากมากๆ นั่นเอง ขนาดเป็นคนประเทศเดียวกันแท้ๆนะเนี่ย

ส่วนนักร้องศิลปินไทยนี่ โอ๊ยยยย! อย่าให้เอ่ย!! ไปเดินพารากอนทุกรอบต้องได้เจอเกือบทุกรอบเถอะ บางทีก็เห็นยืนซื้อส้มตำอยู่หน้าปากซอยตัวเป็นๆ 555 ตามตัวกันได้ง่ายสุดๆ บางคนเจอ 10 รอบก็ขอลายเซ็นได้ 10 ครั้ง ถ่ายรูปคู่ด้วยอีก 10 ที ใกล้ชิดเป็นกันเองแบบสุดๆแล้วจ้า

**********

I LOVE Thai song!! :))

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน!!

โปรดอย่าดราม่า!!

บางข้อ เวลาผ่านไป ข้อมูลอาจจะตกยุค เก่าไปแล้ว

***********

Cr. toptenthailand ^v^