“ระนองบ้านฉัน” นางสาวปรัศมนณัชส์ ขู้สกุล (เพรียว) นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาการท่องเที่ยวและธุรกิจอีเวนต์ คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวถึงจังหวัดระนองสถานที่ ที่ซึ่งเป็นเสมือนจุดศูนย์รวมของครอบครัว จากการย้ายรกรากมาจากอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เพื่อมาอาศัยอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดระนอง
ระนองบ้านฉัน
เส้นทางการพัฒนาเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สู่ประตูอาเซียน
จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นจังหวัดเล็กๆ ทางภาคใต้ของประเทศไทย แต่กลับมีความโดดเด่นด้านการท่องเที่ยว เพราะมีความหลากหลาย และการผสมผสานกันอย่างลงตัว ระหว่างทรัพยากรป่าไม้ ทะเล น้ำตก และน้ำแร่จากธรรมชาติ จึงทำให้เมืองระนอง เป็นทั้งเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อีกทั้ง ระนองยังได้รับสมญานามว่าเป็น “เมืองฝนแปด แดดสี่” ซึ่งสะท้อนภาพแหล่งท่องเที่ยวที่ถูกรายล้อม ด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และมีคุณค่า ทำให้รู้สึกได้พักกายและพักใจได้อย่างสนิทใจในทุกครั้งที่ได้มีโอกาสกลับไปเยือน
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เราจะเห็นความพยายามของการพัฒนาการท่องเที่ยวของเมืองระนอง ในโครงการต่างๆ มากมายที่ทำกันอย่างต่อเนื่องและแข็งขันในบริบทของพื้นที่ และบริบทของระยะเวลา ที่ผ่านการผลัดเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยวในมิติต่างๆ ก็ตาม ในฐานะที่ตนเอง ซึ่งเป็นนักศึกษาที่ได้มีโอกาสร่ำเรียนในด้านการท่องเที่ยวมานั้น ก็อดคิดไม่ได้ว่า หากระนองบ้านฉันได้รับการพัฒนาและการจัดการการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ และเต็มศักยภาพในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้นั้น การท่องเที่ยวของจังหวัดระนองในอนาคตจะสดใสมากเพียงใด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปัจจุบันจังหวัดระนองจะมีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยหยิบจับจุดแข็งของตนเอง จากการมีทรัพยากรทางธรรมชาติ ที่รองรับด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมาจัดทำเป็นแผนกลยุทธ์และแผนการพัฒนาการท่องเที่ยว ที่มุ่งผลักดันให้ระนองเป็นจุดหมายปลายทางของ Spa and Wellness City และ Hot Springs of ASIA และยังมีแผนการพัฒนาของจังหวัด ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการที่เชื่อมโยงกับประเทศอาเซียน ควบคู่กันไปด้วย
แต่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของจังหวัดระนอง ก็ยังดูเติบโตช้า เมื่อเทียบกับกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายฝั่งอันดามัน อย่างภูเก็ต พังงา และกระบี่ ในมุมมองของดิฉันเห็นว่า สาเหตุที่สำคัญ 3 ประการที่ทำให้การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของจังหวัดระนอง ยังเติบโตช้านั้น น่าจะมีสาเหตุจาก
1) จังหวัดระนองยังมีเส้นทางการคมนาคมขนส่ง ที่ไม่เอื้อต่อรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยว ของนักท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศมากนัก เนื่องจากจังหวัดระนองยังถูกมองว่า เป็นเมืองรองและเป็นเส้นทางผ่านสู่จังหวัดท่องเที่ยวหลักของภาคใต้ อาทิ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง
2) จังหวัดระนองยังขาดการจัดการมาตรฐาน และความพร้อมด้านสถานพยาบาล สถานบริการ และบุคลากรทางการแพทย์เพื่อรองรับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเฉพาะทางด้านน้ำแร่ธรรมชาติ
และ 3) ขาดการพัฒนาฝีมือแรงงานด้านการบริการทางการแพทย์ และการบริการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในระดับพื้นที่ ที่พร้อมขยายเข้าสู่ระดับอาเซียนและระดับโลก รวมทั้ง สถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมาก็ยิ่งตอกย้ำให้ภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดระนองนั้นยิ่งเงียบสงัดไปกว่าเดิม
ดังนั้น ในฐานะคนที่ถูกเรียกว่า ลูกเสี้ยวระนอง ซึ่งมิใช่ผู้ที่เกิดและเติบโตในจังหวัดระนองซะทีเดียว แต่ได้มีโอกาสคลุกคลี และเดินทางไปเยี่ยมเยือนครอบครัวในจังหวัดระนองอยู่เป็นประจำนั้น ก็ยังอยากที่จะพัฒนาให้การท่องเที่ยวของจังหวัดระนองนี้ เติบโตได้อย่างมีศักยภาพ และยังประโยชน์แก่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำแร่ ทั้งนี้ เพื่อให้จังหวัดระนองเป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในระดับอาเซียนได้ในอนาคต
ตอนนี้ประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนเอง ต่างก็เริ่มเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวกันแล้ว ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านและจากประเทศอื่นๆ เดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น ดิฉันจึงเชื่อว่านี่จะเป็นโอกาสที่ดีที่จังหวัดระนองจะปรับกลยุทธ์ เทคนิค และวิธีการประชาสัมพันธ์ทางการตลาด การท่องเที่ยวของจังหวัดระนองเอง โดยนำเทคโนโลยีที่เข้ากับยุคสมัย มาใช้ร่วมกับการปรับช่องทางการตลาด ที่เป็นดิจิทัลมากขึ้น
เช่น การตลาดรูปแบบออนไลน์ การลองนำระบบ AR มาปรับใช้กับการสื่อสาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ทันสมัย และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือการเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญ ที่จะช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของจังหวัดระนอง ให้ก้าวเข้าสู่ประตูของอาเซียนได้อย่างแข็งแกร่ง โดยการ Upskills Reskills และมองหาทักษะใหม่ๆ ที่จะ New Skills ให้แก่บุคลากรภาคการท่องเที่ยว
ซึ่งก็หวังว่าในอนาคต ตนเองจะผ่านกระบวนการหล่อหลอมสิ่งต่างๆ เหล่านี้จากการเรียนการสอน ที่คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และพร้อมที่จะเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ที่ได้มีส่วนช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของ “ระนองบ้านฉัน” ให้พัฒนาได้อย่างภาคภูมิใจ
ผู้เขียน: นางสาวปรัศมนณัชส์ ขู้สกุล