ล่าแม่มด แม่มด แม่มดแห่งเมืองซาเล็ม

ล่าแม่มด เรื่องประหลาดในซาเล็ม เมืองเล็กๆ ในอเมริกา | Witch

Home / เรื่องทั่วไป / ล่าแม่มด เรื่องประหลาดในซาเล็ม เมืองเล็กๆ ในอเมริกา | Witch

คำว่า witch หรือ แม่มด แผลงมาจากคำว่า wit ในภาษาแองโกลแซกซอน = “to know” หรือ หยั่งรู้ ต้องการรู้ ดังนั้น แม่มดจึงหมายถึง พวกที่ต้องการศึกษาหาความรู้ (ในศาสตร์ลึกลับเหนือธรรมชาติ) อาจจะด้วยแนวทางที่ดีหรือชั่วร้ายก็ได้ แต่เดิมแม่มดขาวส่วนใหญ่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง อาจมาจากความใกล้ชิดกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ หรือจากคัมภีร์โบราณทางศาสนา แม่มดขาวบางคนอาจรับศิษย์สำหรับถ่ายทอดวิชา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับแม่มดดำ

ล่าแม่มด เรื่องประหลาดในซาเล็ม

ไม่ว่าแม่มดจะมีจริงหรือไม่ หรือดีเลวอย่างไรก็ตาม ประมาณต้นศตวรรษที่ 6-11 แถบยุโรป เคยมีแม่มดและมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยกัน แต่พอศตวรรษที่ 15-17 หรือยุคกลางของยุโรป ที่เรียกกันว่า ยุคมืด นั้นมีการล่าแม่มดขนานใหญ่ สมมุติว่าเกิดเหตุผิดธรรมชาติขึ้นในท้องถิ่น เช่น คนตายไร้สาเหตุ มีโรคระบาด คนสมัยนั้นก็จะโยนบาปใส่แม่มด พวกชาวบ้านก็จะตามหาผู้ต้องสงสัย และมักเป็นแพะรับบาป พร้อมหลักฐานจำนวนหนึ่ง บางทีหลักฐานก็ดูตลกๆ เช่น แค่เลี้ยงหมากับแมวไว้ในบ้านก็ตาม หญิงแก่ไร้ญาติบางคน ซึ่งมีแค่แมวตัวเดียวเป็นสัตว์เลี้ยงคลายเหงา มักถูกหาว่าเป็นแม่มด และถูกนำมาเผาประจานทั้งเป็นอย่างน่าอนาถ

หญิงสาวบางคนที่สวยเกินไปก็โดนข้อหานี้ด้วย เพราะสงสัยว่าเอาวิญญาณแลกกับเรือนร่างอันน่ามอง ผู้ชายในสมัยนั้นจะชอบทารุณกรรมผู้หญิง โดยยกข้ออ้างจากไบเบิลขึ้นมาอ้างมั่วว่า สูเจ้าจะต้องไม่ทรมานแม่มดด้วยการปล่อยให้มีชีวิต ( “Thou shlt not a suffer a witch to live” )

ฉะนั้นจึงมีการเฆี่ยนประจาน การทรมานด้วยวิธีนานาที่จะนึกออกได้ ใครจะทนการทรมานไหว ก็จำต้องรับสารภาพ เพื่อจะได้ตายด้วยวิธีที่ไม่ทรมานนั่นคือ การเผาทั้งเป็น!

เหตุการณ์ของการจับแพะแม่มดที่สำคัญโด่งดัง

เหตุการณ์ของการจับแพะแม่มดที่สำคัญโด่งดังคือ กรณีเซนต์โจนส์ แห่งตำบลอาร์ค (โจนส์ออฟอาร์ค) เพียงเพราะเป็นผู้หญิงที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป และนำทัพปฏิวัติให้ฝรั่งเศสเป็นอิสระจากอังกฤษอย่างเหลือเชื่อ การเมืองไม่เข้าใครออกใคร ผู้มีอำนาจในฝรั่งเศสสมรู้กันให้เธอกับอังกฤษ เพื่อแลกกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งที่เธอต่างหากที่ปลดปล่อยฝรั่งเศสให้กลับมาเป็นปึกแผ่น และมีกษัฅริย์ของตนเอง เธอถูกตัดสินว่า ผิดจริง โดยใช้พลังของแม่มดในการเมืองการสงคราม และถูกเผาทั้งเป็น แต่ภายหลังเป็นร้อยปี ได้มีการรื้อคดีมาทำใหม่ และประกาศว่าการพิพากษาครั้งนั้นไม่ถูกต้อง แล้วเธอได้รับยกย่องให้เป็น หนึ่งใน นักบุญ (เซนต์)

และนี่คือเหตุการณ์ล่าแม่มดตอนหนึ่งที่ถือได้ว่า เป็นคดีโศกนาฏกรรมที่สยดสยองโด่งดัง และส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมและสังคมอเมริกันอย่างใหญ่หลวง

ล่าแม่มด

แม่มด ที่หมูบ้านซาเล็ม…

เรื่องมันเริ่มเกิดขึ้น….เมื่อ วันที่ 20 มกราคม ปี 1692 หมู่บ้านซาเล็ม รัฐแมสซาซูเซตต์ เมืองเล็กๆ ในอเมริกา

อลิซาเบธ แพร์ริส อายุ 9 ขวบ บุตรสาวของ ซามูเอล แพร์ริส ที่เป็นผู้นำนิกายโปรเตสแตนท์ และเป็นนายกเทศมนตรีท้องถิ่นแห่งหมู่บ้านซาเล็ม และ อบิเกล วิลเลี่ยม หลานสาวอายุ 11 ปี จู่ๆ เด็กทั้งสองได้เกิดอาการลึกลับขึ้น เด็กทั้งสองหวีดร้องโหยหวน สักพักก็ล้มชักดิ้นชักงอ หน้าตาบิดเบี้ยว อยู่ในสถาวะไม่รู้สึกตัว กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นพระเจ้า ศาสนา ถ้อยคำบางท่อนก็ฟังดูประหลาดลึกลับ คล้ายกับภาษาโบราณที่ฟังไม่รู้เรื่อง

ชั่วเวลาไม่นานนัก เด็กสาวอีกหลายคนก็แสดงอาการพฤติกรรมประหลาดที่ว่าเกิดขึ้นอีกหลายๆ หลังคาเรือน

“ซาตาน ซาตาน กำลังจะกลับมา ซาตาน……”

วิลเลี่ยม กริสก์ แพทย์ประจำหมู่บ้านก็มารักษาเด็กในหมู่บ้าน กริสก์ใช้เวลานานในการรักษา แต่ผลที่ออกมานั้นไม่เป็นที่พอใจนัก เพราะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของอาการและพฤติกรรมที่น่าขนลุกนี้ได้เลย

ในศตวรรษที่ 17 นั้นสมัยก่อนอ่าวแมสซาซูเซตต์ส ยังอยู่ในสภาพเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และยังมีความเชื่อที่เกี่ยวกับภูตผีเพราะพื้นที่นี้เกิดโรคระบาดบ่อย และยังมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก หมู่บ้านซาเล็มเองก็มีคู่อริที่มีการต่อสู้เปิดศึกกัน ระหว่างชุมชนเสมอ ทำให้พื้นที่หมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์นี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความหวาดระแวง

ล่วงเลยไปถึงกลางเดือน ก.พ.แพทย์ประจำหมู่บ้านก็จนปัญญา จึงสรุปว่าบรรดาเด็กสาวเหล่านี้โดนเวทมนต์คาถาและตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของซาตาน

ที่นี้ก็เป็นเรื่อง พวกชาวบ้านและนักบวชพากันวิ่งวุ่น หาวิธีต่างๆ เพื่อเปิดโปงว่าใครคือต้นเหตุ เช่น จอห์น อินเดีย ทำเค้กผสมข้าวไรน์กับปัสสาวะเด็กๆ ที่ล้มป่วย เพื่อล่อให้พ่อมดแม่มดปรากฏออกมา

ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก ที่จะระบุแหล่งที่มาและต้นกำเนิดของภัยร้าย จู่ๆ บรรดาเด็กสาวได้อ้างชื่อผู้หญิงออกมา สองคน คือ ทิทูบา อินเดียน ทาสรับใช้คาริบเบียนที่อาศัยในบ้านของ ซามูเอล แพร์ริส… ถึงวันที่ 29 ก.พ. ได้มีประกาศจับกุม ทิทูบา อินเดียน, ซาราห์ ออสบอร์น แม้ออสบอร์จะยืนยันความบริสุทธิ์ แต่ทิทูบา กลับสารภาพว่าฝึกเวทย์มนต์คาถาของแม่มดจริงๆ ระหว่างฝึกสามารถมองเห็นปีศาจร้ายปรากฏกาย มันมีรูปร่างคล้ายหมูอ้วน บางครั้งเป็นหมาใหญ่ ยิ่งกว่านั้นเธอยังบอกด้วยว่าสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มแม่มดเพื่อประกอบการชั่วร้ายในเมืองซาเล็มด้วย

ปั้นปลายชีวิตของทิทูบาถูกควบคุมตัวเป็นเวลานาน ตอนท้ายของการพิจารณาคดีเธอถูกขายออกไปในตลาดทาสอีกครั้ง

ไม่กี่วันต่อมาหลังจากนั้นผู้พิพากษาศาลท้องถิ่น จอห์น ฮาธอร์น และโจนาธาน คอร์วิน ไต่สวน ทิทูบา,ซาราห์ ในที่ประชุมกลางหมุ่บ้านซาเล็ม สิ่งที่น่าสนใจเป็นบันทึกถ้อยคำให้การระหว่างผู้พิพากษากับซาราห์

“ผู้ชั่ววิญญาณร้ายตนใดที่เจ้าคุ้นเคยสนิทสนมใกล้ชิดด้วย

ไม่มีค่ะ

“เจ้าเคยทำสัญญาจ้างกับปีศาจหรือไม่”

“ไม่ค่ะ”

“ทำไมเจ้าต้องทำร้ายเด็กๆ เหล่านี้”

“ข้าไม่ได้ทำร้ายเด็กๆ ข้าขอปฏิเสธ”

“ใครจ้างวานให้เจ้าทำเช่นนั้น”

“ข้าไม่ได้รับจ้างใครทั้งสิ้น”

“เช่นนั้นเป็นสรรพสิ่งใดที่เจ้ารับว่าจ้างมา”

“ไม่มีสิ่งใดเลย ข้านั้นถูกกล่าวหาแบบผิดๆ”

ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาชาวเมืองจำนวนมากออกมาต่อว่าว่าเคยถูกก่อกวนและเคยเห็นร่างปีศาจจำแลงของคนในชุมชนเดียวกัน การล่าแม่มดยังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น พร้อมกับคำสารภาพมากมายที่พร่ำพรูออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดมีเพิ่มทุกขณะ ถึงเดือนมิถุนายนมีการจัดตั้งศาลพิเศษเพื่อพิจารณาคดีแม่มดโดยเฉพาะ เรียกว่า “ศาลพิเศษเพื่อรับฟังความและตัดสินโดยพิจารณาความเชื่อถือ” ศาลแห่งนี้ตัดสินความโดยพิจารณาคดีจากการกล่าวหาซึ่งๆ หน้า มีการประมวลวัตถุพยาน ทั้งที่จับต้องได้และจับไม่ได้ หรือสิ่งที่เหนือธรรมชาติ เช่น เครื่องหมายแม่มดในตัวผู้กล่าวหา การตอบสนองของคนล้มเจ็บ การเห็นภาพภูตผี ตอบสนองของคนที่ล้มเจ็บอยู่

และการประหารแม่มดจึงเริ่มเกิดขึ้น..

บริดเจต์ บิชอป เป็นคนแรกที่ถูกประกาศว่ามีความผิดฐานเป็นแม่มด เขาถูกตัดสินประหารโดยการแขวนคอ นับเป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายรายแรกภายใต้กระบวนการศาลเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 1692

การตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอยังดำเนินการต่อไป ท่ามกลางโชคชะตาของผู้กล่าวหาว่าเป็นแม่มด แม้มีการเปลี่ยนข้าหลวงคนใหม่ เซอร์วิลเลียม ฟิปส์ มารับตำแหน่งใหม่แต่เหตุการณ์เลวร้ายยังเกิดขึ้นเหมือนเดิม

รีเบคกา เนิร์ส (หญิงชราวัย71ปี), ซูซานนาห์ มาร์ติน, ซาราห์และ อลิซาเบธ ฮาร์ คือกลุ่มที่ตัดสินให้โดนแขวนคอ ตามด้วยกลุ่มต่อมา…จอร์จ จาค็อบส์ ซีเนียร์, มาร์ธา แคร์เรียม, จอร์จ เบอร์โรห์ จอห์นและอลิซาเบธ พร็อคเตอร์ และจอห์น วิลลาร์ด และชาวเมืองอีกมากที่ลงชื่อวิงวอนในนามผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด

จนกระทั้งถึงเดือนกันยายน เมื่อโธมัส แบร็ตเทิล ยอมเสี่ยงชีวิตเขียนจดหมายวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของศาล ว่าไม่ยุติธรรมในการไต่สวนคดีแม่มดให้แก่ข้าหลวงฟิลิปส์ จนมีคำสั่งล้มเลิกคดีศาลพิเศษอันนี้ เพราะใช้หลักฐานและพยานมั่วนิ่ม จับต้องไม่ได้ และประกาศอภัยโทษและนิรโทษกรรมแก่ผู้กล่าวหาว่าเป็นแม่มดในที่สุด

บันทึกสุดท้ายของคดีแม่มดแห่งซาเล็ม

เกิดขึ้นอีก 19 ปีต่อมา โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 1711 กฎหมายฉบับใหม่ได้สั่งให้คืนทรัพย์สมบัติที่ยึดมาจากผู้ตายและครอบครัวของผู้ตายให้หมด รวมไปถึงการจ่ายสินไหมทดแทนด้วย และนี่เป็นอันยุติคดีแม่มดในซาเล็มตลอดกาล

สรุปของคดีนี้ คือตั้งแต่เกิดคดีนี้ขึ้นในซาเล็มมีการประกาศจับกุมเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 1692 ชาวเมืองกว่า 150 คนถูกกล่าวหาและถูกต้องสงสัยว่าเป็นแม่มด 4 คน ตายในคุกรวมกับเด็กทารกอีก 1 คน การประหารชีวิตต้องการแขวนคอมีขึ้นเมื่อ 10 มิถุนายน, 19 กรกฎาคม, 19 สิงหาคม, 19 กันยายน และ 22 กรกฎาคม รวมทั้งสิ้น 18 คน อีก 1 คนถูกทับด้วยแท่งหินจนตาย และสุนัข 2 ตัวถูกแขวนคอด้วย โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นข้ารับใช้แม่มด

มันเกิดขึ้นเพราะอะไร

สามร้อยกว่าปีผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้เหตุการณ์ “แม่มดแห่งเมืองซาเล็ม” ยังสร้างเหตุฉงนค้างคาอยู่ในผู้คนจำนวนมากที่ต้องการหาข้อเท็จจริงว่ามันเกิดขึ้นอะไรกันแน่ที่บรรดาเด็กสาวในเมืองต่างพากันล้มเจ็บและออกอาการผีเข้า และเพ้อถึงซาตาน

และนี้คือทฤษฏีที่สันนิษฐานที่ถูกหยิบยกมาอธิบายมากที่สุด…

เกิดขึ้นเพราะอิทธิพลของวูดู

อาจเป็นไปได้ที่ว่าทาสจาก ทิทูบา อินเดียน ที่มาจากแถบคาริบเบียนและรู้เรื่องลัทธิวูดูอาจเล่าเรื่องลึกลับและน่าตื่นเต้นให้เด็กๆ ฟัง และเด็กๆ ในวัยอยากรู้อยากเห็นย่อมคล้อยตามเรื่องเหนือธรรมชาติเหล่านี้ไปด้วย ไม่นานเด็กบางคนก็เกิดเชื่อเรื่องนี้จริงจัง จนทำให้เกิดอาการสยองขวัญ ขวัญหนีดีฝ่อ และท้ายสุดล้มเจ็บลง

การเรียกร้องความสนใจ

พวกเธออาจเรียกร้องความสนใจให้คนอื่นเชื่อว่ามีแม่มด เรื่องลึกลับมีอยู่จริง จนเกิดเรื่องมันบานปลายจนหยุดไม่ได้

โดนยาพิษ

บรรดาเด็กพวกนั้นอาจกินพวกเห็ดพิษเมาเจือปนอยู่กับเมล็ดข้าวไรย์หรือเมล็ดธัญญาหารที่เก็บเกี่ยวได้มีผลทำให้เกิดอาการชักสั่นเพ้อคลั่งขึ้นมาและมองเห็นภาพหลวนที่น่ากลัวต่างๆ เช่นซาตาน แม่มด เป็นต้น

เกมแห่งอำนาจและผลประโยชน์

อันนี้น่าจะเป็นคำอธิบายที่น่าเชื่อถือที่สุดในยุคปัจจุบัน เรื่องของเรื่องทั้งหมดเป็นผลประโยชน์ระหว่างนายกรัฐมนตรีท้องถิ่น เจมส์ เบเลย์ กับซามูเอล แพร์ริล เมื่อมีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีจึงได้ใช้ผลประโยชน์จากเหตุการณ์นี้มาส่งเสริมความนิยมผู้นำที่นับวันเริ่มเสื่อมลง โดยทิทูบา อินเดียน ทาสจากหมู่เกาะทะเลแคริบเบียนก็เป็นทาสของนายกรัฐมนตรีแพร์ริสเอง ส่วนตัวต้นเหตุอลิซาเบธ แพร์ริส อบิเกล วิลเลียมส์ ก็เป็นลูกสาวและหลานสาว และพบว่าผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดนั้นส่วนมากเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนเจมส์ เบเลย์ คู่แข่งของแพร์ริสทั้งสิ้น…

wwit1

…ปัจจุบันหมู่บ้านซาเล็มได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีสถานที่หลายแห่งเกี่ยวข้องและถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับการล่าแม่มด ที่มีผู้มาเยือนเพื่อชมประวัติศาสตร์อันน่าสะพรึงกลัว เช่น อนุสรณ์ สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1992 เนื่องในโอกาสครบรอบ300ปีเหตุการณ์ล่าแม่มดในซาเล็ม แต่ละแผ่นป้ายจะมีข้อความอุทิศถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจนเสียชีวิต…

ที่มา http://orn1995.exteen.com ภาพจาก Spirit Walk Ministry

บทความแนะนำ