ไนกี้ ผู้นำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลก เปิดตัวรองเท้าไนกี้แอร์เวเปอร์แม็กซ์ (Nike Air VaporMax) และคอลเลกชั่นรองเท้าอื่นๆ ในตระกูลแอร์แม็กซ์ได้ในวัน Air Max Day ประจำปีนี้ โดยในวันที่ 26 มีนาคมนี้ ไนกี้เตรียมจัดงาน Air Max Day ขึ้นอีกครั้งเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 30 ปีนับตั้งแต่การวางจำหน่ายรองเท้ารุ่นแอร์แม็กซ์ 1 (Air Max 1) ซึ่งเป็นรุ่นที่มีส่วนผลักดันการต่อยอดนวัตกรรม แอร์ ของไนกี้
ฉลอง 30 ปี รองเท้าแอร์ แม็กซ์
เมื่อกล่าวถึงแบรนด์ไนกี้ หนึ่งในนวัตกรรมหลักที่อยู่คู่กับแบรนด์มาอย่างยาวนานคือ “นวัตกรรมแอร์” (Air) โดยเปิดตัวครั้งแรกพร้อมรองเท้ารุ่นแอร์ เทลวินด์ (Nike Air Tailwind) ที่เริ่มวางจำหน่ายในปี ค.ศ.1979 โดยในช่วง 8 ปีแรก นวัตกรรมแอร์เป็นนวัตกรรมที่ฝังตัวอยู่ภายในส้นรองเท้า ซึ่งจะสามารถสัมผัสถึงนวัตกรรมนี้ได้ต่อเมื่อผู้ใช้สวมใส่รองเท้าเท่านั้น โดยต่อมาในปี ค.ศ. 1987 ไนกี้จึงได้นำเสนอรองเท้าไนกี้รุ่นแอร์แม็กซ์ (Nike Air Max) ที่ได้รับการออกแบบให้ผู้บริโภคสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของตัวนวัตกรรมแอร์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติแบรนด์ไนกี้และนวัตกรรม แอร์ เป็นต้นมา โดยนวัตกรรม แอร์ กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วและเป็นส่วนหนึ่งของรองเท้ากีฬาหลากหลายประเภทภายใต้แบรนด์ไนกี้ อาทิเช่น รองเท้าบาสเกตบอล, รองเท้าเทนนิส และรองเท้าออกกำลังกาย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของรองเท้าไลฟ์สไตล์ที่ผู้คนทั่วโลกหลงไหลอีกด้วย กว่าสามทศวรรษที่รองเท้าตระกูลแอร์แม็กซ์ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบัน
เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของนวัตกรรม แอร์ ตลอดทั้งเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ไนกี้ได้เตรียมเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้ด้วยการนำเสนอรองเท้าแอร์แม็กซ์รุ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำรองเท้าแอร์แม็กซ์รุ่นเรโทร ซึ่งมาปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น นอกจากนี้ยังเผยโฉมไลน์อัพรองเท้าแอร์แม็กซ์รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมทั้งรองเท้ารุ่นแอร์เวเปอร์แม็กซ์ที่แฟนๆ รอคอยมายาวนาน โดยรองเท้ารุ่นใหม่ที่ได้รับการเปิดตัวอย่างต่อเนื่องยังเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่านวัตกรรมแอร์ได้ล้ำหน้าไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
ไนกี้แอร์แม็กซ์ 90 อัลตร้าฟลายนิต (Nike Air Max 90 Ultra Flyknit)
ในอดีตรองเท้าไนกี้รุ่นแอร์แม็กซ์ 90 โอจี (Nike Air Max 90 OG) เป็นรองเท้าที่ทุกๆ คนรู้จักจากตัวรองเท้าเฉดสีแดงอินฟราเรดที่สดใส โดยรองเท้าไนกี้แอร์แม็กซ์ 90 อัลตราฟลายนิตรั้รได้รับการพัฒนาต่อยอดจากรองเท้ารุ่นยอดนิยมนี้ไปสู่ยุคใหม่ด้วยนวัตกรรมสำคัญ 2 ประการที่ส่งผลให้รองเท้ารุ่นนี้มีน้ำหนักเบากว่าเดิม นั่นคือหน้ารองเท้าที่ผลิตจากเส้นใย ฟลายนิต (Flyknit) ที่มีน้ำหนักเบาและให้ความยืดหยุ่นสูง รวมทั้งการออกแบบส่วนกลางพื้นรองเท้าเป็นรอยบากทรงโค้งที่มีความลึกเพื่อลดน้ำหนักรองเท้าและเสริมความรู้สึกสบายขณะสวมใส่ โดยรองเท้าไนกี้รุ่นแอร์แม็กซ์ 90 โอจี จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ วันที่ 2 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป
ไนกี้แอร์แม็กซ์จีเวล สำหรับสุภาพสตรี (Women’s Nike Air Max Jewell)
รองเท้าไนกี้แอร์แม็กซ์จีเวลเป็นรองเท้ารุ่นที่ 2 ในตระกูลแอร์แม็กซ์ที่ไนกี้ได้พัฒนาขึ้นสำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ โดยรองเท้ารุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้ารุ่นแอร์แม็กซ์พลัส (Nike Air Max Plus)
ไนกี้แอร์แม็กซ์ 1 แอนิเวอร์ซารี (Nike Air Max 1 Anniversary)
รองเท้าไนกี้แอร์แม็กซ์ 1 ที่ออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1987 นั้นคือจุดเริ่มต้นของตำนานรองเท้าตระกูลแอร์แม็กซ์ทั้งหมด โดยรองเท้ารุ่นดังกล่าวเป็นรองเท้ารุ่นแรกที่ไนกี้ออกแบบให้ผู้สวมใส่และบุคคลทั่วไปสามารถมองเห็นนวัตกรรมแอร์ที่ครั้งหนึ่งเคยซ่อนอยู่ภายในพื้นรองเท้าได้ โดยเป็นผลงานการออกแบบของ ทิงเกอร์ แฮทฟิลด์ (Tinker Hatfield) ทั้งนี้ รองเท้าไนกี้แอร์แม็กซ์ 1 แอนิเวอร์ซารี ยังคงรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ชวนหลงใหลเหมือนดั่งรุ่นต้นแบบและยังมีสีสันให้เลือกตามแบบสีดั้งเดิมทั้ง 3 สี คือ สีขาว สีแดง-เทา-ขาว และสีฟ้าสลับเทา
ไนกี้แอร์แม็กซ์ 1 มาสเตอร์ (Nike Air Max 1 Master)
รองเท้ารุ่นพิเศษสำหรับโอกาสฉลองครอบรอบ 30 ปี ของการวางจำหน่ายรองเท้ารุ่นแอร์แม็กซ์ 1 โดยรองเท้ารุ่นพิเศษนี้ ได้ผสมผสานความลงตัวระหว่างวัสดุคุณภาพสูงและรูปลักษณ์ที่ชวนหลงใหลของรองเท้าต้นตระกูลแอร์แม็กซ์ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้สีแดงโทนดั้งเดิมที่ส่วนปลายเท้า, ลาย “ซาฟารี” ที่แฟนๆ ชื่นชอบ และรายละเอียดต่างๆ บริเวณหน้ารองเท้าแบบคลาสสิก
ไนกี้แอร์แม็กซ์ 1 อัลตรา 2.0 แอลอี (Nike Air Max 1 Ultra 2.0 LE)
ไนกี้เฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 30 ปีของการวางจำหน่ายรองเท้ารุ่นแอร์แม็กซ์ 1 ด้วยการเผยโฉมรองเท้ารุ่นพิเศษที่ปรับปรุงขึ้นจากรองเท้ารุ่นแอร์แม็กซ์ 1 อัลตร้า 2.0 ซึ่งถือเป็นรองเท้ารุ่นที่มีนวัตกรรมล้ำหน้าที่สุดในบรรดารองเท้าไนกี้ที่พัฒนามาจากรากฐานของรองเท้ารุ่นแอร์แม็กซ์ 1 ในปัจจุบัน ซึ่งโครงสร้างรองเท้าที่มีรอยบากลึกและเป็นทรงโค้งช่วยให้รองเท้ารุ่นนี้เป็นรองเท้าตระกูลแอร์แม็กซ์ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในปัจจุบัน โดยตัวเลข 3.26 บริเวณลิ้นยังเป็นตัวเลขที่รำลึกถึงวันและเดือนของการวางจำหน่ายรองเท้าแอร์แม็กซ์ 1 เป็นครั้งแรกอีกด้วย
ไนกี้แอร์แม็กซ์ 1 แอทมอส เอเลเฟน (Nike Air Max 1 atmos Elephant)
รองเท้าแอร์แม็กซ์ 1 แอทมอส เป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับ 1 ในกิจกรรม The Air Max Day 2016 Vote Back ซึ่งรองเท้ารุ่นนี้เป็นการผสมผสานงานออกแบบที่หมดจดของไนกี้กับสีสันสไตล์คัลเลอร์บล็อก เพื่อช่วยเสริมความโดดเด่นให้แก่ตราสัญลักษณ์ไนกี้สีเขียวมรกตบนตัวรองเท้า ในการวางจำหน่ายครั้งแรก รองเท้ารุ่นนี้เป็นรองเท้าที่ไนกี้ร่วมสร้างสรรค์กับร้านแอทมอส ร้านรองเท้าชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น และรองเท้ารุ่นนี้เป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่งในคอลเลคชั่น “ซูแพ็ก – Zoo Pack” ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อปี 2006
ไนกี้แอร์แม็กซ์ แอลดี-ซีโร่ (Nike Air Max LD-Zero)
รองเท้ารุ่นนี้เป็นรองเท้ารุ่นพิเศษที่ไนกี้ร่วมออกแบบกับนักออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีทแวร์ระดับตำนานอย่าง ฮิโรชิ ฟูจิวาระ (Hiroshi Fujiwara) และผลิตขึ้นเป็นพิเศษสำหรับงาน Air Max Day ของปี 2016 ที่ผ่านมา โดยรองเท้าไนกี้แอร์แม็กซ์ แอลดี-ซีโร่ผสานการออกแบบหน้ารองเท้าที่ดูเรียบง่ายของรองเท้าไนกี้รุ่นแอลดี 1000 ที่ไนกี้ผลิตในช่วงทศวรรษ 1970 และนวัตกรรมของรองเท้า 360 แอร์แม็กซ์ที่วางจำหน่ายในปี 2006เข้าด้วยกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือรองเท้าที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น ผสมผสานสไตล์คลาสสิกเข้ากับคุณสมบัติด้านความนุ่มสบายขณะสวมใส่ไว้ได้อย่างลงตัว
ไนกี้แอร์เวเปอร์แม็กซ์ (Nike Air VaporMax)
ไนกี้ขอนำเสนอการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของนวัตกรรม แอร์ ที่ผสานเข้ากับหน้ารองเท้าแบบฟลายนิตที่มียืดหยุ่นสูงเป็นเสมือนชั้นบนสุดของโครงสร้างหน้ารองเท้าที่ออกแบบมาให้เป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมแอร์ อีกทั้ง รองเท้าไนกี้แอร์เวเปอร์แม็กซ์เป็นรองเท้าที่สร้างมิติใหม่ให้กับนวัตกรรมแอร์ และช่วยเสริมภาพลักษณ์และนิยามของรองเท้าไนกี้ตระกูลแอร์ให้ล้ำสมัยอีกครั้ง โดยรองเท้าไนกี้แอร์เวเปอร์แม็กซ์ จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป
รองเท้าไนกี้รุ่นแอร์แม็กซ์ 90 โอจี (Nike Air Max 90 OG)
AMD_JPG_JEWELL_H_66544
AMD_RYA_ATMOS__66576
ในโอกาสครบรอบ 30 ปีของรองเท้าตระกูลแอร์แม็กซ์ ยังมีรองเท้าตระกูลแอร์แม็กซ์อีกหลากหลายรุ่นที่ไนกี้ภูมิใจเสนอ รวมทั้งสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยท่านสามารถติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของงาน Air Max Day ได้ผ่านทาง แอพลิเคชั่น Nike+