จัดฟัน

จัดฟันแบบใส ดีอย่างไร ? พร้อมเรื่องควรรู้ก่อนจัดฟัน

Home / ข่าวประชาสัมพันธ์ / จัดฟันแบบใส ดีอย่างไร ? พร้อมเรื่องควรรู้ก่อนจัดฟัน

การจัดฟันแบบใส คือนวัตกรรมหนึ่งของการจัดฟันที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันนี้ เพราะมีจุดเด่นที่ความใส จนทำให้คนทั่วไปอาจไม่สังเกตว่า เรากำลังสวมใส่เครื่องมือจัดฟันอยู่ ซึ่งหากใครที่กำลังสนใจการจัดฟันประเภทนี้ เรามาดูกันว่า การจัดฟันแบบใสดีอย่างไร และมีเรื่องอะไรบ้างที่ควรรู้ก่อนจัดฟัน

จัดฟันแบบใส ดีอย่างไร

ขั้นตอนของการจัดฟันแบบใส

ก่อนจะไปดูกันว่าการจัดฟันแบบใสดีอย่างไร เรามาดูขั้นตอนของการจัดฟันใสกันเลย

  1. ปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันเพื่อตรวจประเมินสภาพฟันและวางแผนการรักษา
  2. ทันตแพทย์จัดฟันจะทำการถ่ายรูปในช่องปากและใบหน้า เอ็กซเรย์ และพิมพ์แบบฟัน เพื่อส่งไปยังบริษัทผู้ผลิตเครื่องมือจัดฟันแบบใส
  3. บริษัทผู้ผลิตเครื่องมือจัดฟันแบบใสจะออกแบบเครื่องมือจัดฟันให้เหมาะสมกับสภาพฟันและแผนการรักษาของคนไข้
  4. ทันตแพทย์จัดฟันจะนัดคนไข้มารับเครื่องมือจัดฟันแบบใส
  5. คนไข้จะต้องใส่เครื่องมือจัดฟันแบบใสวันละ 20-22 ชั่วโมง ถอดออกเฉพาะเวลารับประทานอาหารและแปรงฟัน
  6. คนไข้จะต้องเปลี่ยนเครื่องมือจัดฟันแบบใสทุก 2 สัปดาห์ จนกระทั่งฟันเรียงตัวตามแผนการรักษา

จัดฟันแบบใสดีอย่างไร? สรุปข้อดีของการจัดฟันใส

  • แทบมองไม่เห็นเมื่อใส่อยู่ ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่กระทบต่อบุคลิกภาพและภาพลักษณ์
  • ถอดออกได้ สะดวกในการรับประทานอาหาร แปรงฟัน และทำความสะอาดช่องปาก
  • ช่วยลดอาการระคายเคืองในช่องปาก เนื่องจากเครื่องมือจัดฟันแบบใสมีความนุ่มและยืดหยุ่นกว่าเครื่องมือจัดฟันแบบติดเหล็ก
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันไม่เรียงตัวไม่มาก เช่น ฟันซ้อนเก ฟันยื่น ฟันสบคร่อม ฟันห่าง เป็นต้น

จากคำตอบของคำถามที่หลายคนสงสัย ว่าจัดฟันแบบใสดีอย่างไรเหล่านี้ จึงเป็นเหตุผลที่ให้การจัดฟันแบบใสได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน

หลังจากที่เราได้รู้กันแล้วว่า การจัดฟันแบบใสดีอย่างไร เรามาดูกันว่า มีเรื่องอะไรบ้างที่ควรรู้ก่อนจัดฟัน 

  • ราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบติดเหล็ก เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนกว่า
  • ใช้เวลาในการรักษานานกว่าการจัดฟันแบบติดเหล็ก ประมาณ 1-2 ปี
  • อาจเกิดรอยขีดข่วนหรือแตกหักได้หากใช้ไม่ระมัดระวัง

ข้อควรระวังในการจัดฟันแบบใส

  • ควรใส่เครื่องมือจัดฟันอย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวัน ถอดออกเฉพาะเวลารับประทานอาหารและแปรงฟันเท่านั้น หากใส่เครื่องมือจัดฟันไม่ครบตามกำหนด อาจทำให้การรักษาไม่เป็นไปตามแผน
  • ควรทำความสะอาดเครื่องมือจัดฟันอย่างสม่ำเสมอ ด้วยแปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับจัดฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้เศษอาหารและแบคทีเรียสะสมบนเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นปากและโรคเหงือกอักเสบได้
  • ควรหลีกเลี่ยงการกัดของแข็ง เช่น กระดูก ถั่ว ขนมกรุบกรอบ เป็นต้น เนื่องจากอาจทำให้เครื่องมือจัดฟันแตกหักได้
  • ควรไปพบทันตแพทย์จัดฟันตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามความคืบหน้าของการรักษาและรับคำแนะนำจากทันตแพทย์

ข้อควรระวังเหล่านี้ จะช่วยให้การรักษาด้วยการจัดฟันแบบใส เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ซึ่งนอกจากที่เราจะรู้ว่าการจัดฟันแบบใสดีอย่างไร และทำความเข้าใจถึงข้อควรระวังข้างต้นแล้ว ผู้ที่สนใจการจัดฟันใส ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหลังการจัดฟัน