การอ่าน

การอ่านจับใจความสำคัญ – วิธีจับใจความสำคัญของการอ่านนิยาย

Home / สาระความรู้ / การอ่านจับใจความสำคัญ – วิธีจับใจความสำคัญของการอ่านนิยาย

การอ่านคือการรับสารที่เป็นตัวอักษร แล้วส่งตรงสู่ห้วงของความคิด เมื่อความคิดตกตะกอนทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจในเรื่องราวที่ผู้เขียนสื่อสารออกมา โดยสิ่งที่ได้จากการอ่านนั้น ผู้อ่านสามารถนำความรู้ ความคิด หรือสาระจากการอ่านที่ตกตะกอนนั้นมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมากมาย นอกจากนี้ การอ่านยังเป็นอีกโลกหนึ่งที่ไม่มีใครเข้ามารุกล้ำได้เลย เพราะโลกของการอ่านจะกว้างใหญ่ไปตามจินตนาการที่ไม่รู้จบ

การอ่านจับใจความสำคัญ

การอ่านมีมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น อ่านเพื่อแสวงหาความรู้ อ่านเพื่อส่งเสริมความคิด อ่านเพื่อนพัฒนาคุณภาพชีวิต แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงการอ่านจับใจความสำคัญเพื่อก่อให้เกิดความเพลิดเพลินบันเทิงใจ (ชื่อยาวไปเหลือเกิน -_-) หรือที่เรียกกันง่ายๆ คุ้นหูว่า “อ่านนิยาย”  

ซึ่งนิยายคือเรื่องที่แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของผู้เขียน โดยการจะเขียนนิยายในแต่ละเรื่องจะต้องมีพล็อตที่ถูกวางไว้เป็นแกนหลักสำคัญ และการจะเขียนนิยายจะให้ได้รสชาติเพื่อเติมเต็มจินตนาการของผู้อ่าน สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือสำนวนนั่นเอง

แล้วสำนวนที่ปรากฎในนิยายคืออะไร?

เป็นความจริงมากที่ว่า เขียนนิยายต้องมีสำนวนสื่อถึงอารมณ์ออกมา เพราะสำนวนมากมายและพล็อตที่ชาญฉลาดซึ่งปรากฎอยู่ในนิยายนั้น ทำให้การจับใจความสำคัญของเรื่องนั้นพลิกผันไปตลอดเวลา เพราะบางเรื่องก็หักมุมอย่างคาดไม่ถึง และสำนวนที่ปรากฎอยู่ในนิยายแทบทุกเรื่องนั่นก็คือ… พรรณาโวหารนั่นเอง

พรรณาโวหาร คือการเขียนเรื่องราวที่ทำให้เห็นภาพชัดเจน ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมไปด้วย หรือ “อิน” กับข้อความที่เขียนพรรณาลงไปนั่นเอง จุดประสงค์หลักคือทำให้ผู้อ่านเห็นภาพ คือสถานที่ บุคคล สิ่งของ หรืออารมณ์อย่างละเอียด เกิดอารมณ์ที่คล้อยตาม ยามที่ผู้อ่านกำลังซึมซับตัวอักษรภาพในหัวจะต้องปรากฎออกมาเป็นฉากๆ อาจจะตรงตามที่ผู้เขียนบรรยายหรือไม่ก็ตามแต่จินตนการของผู้อ่านนั่นเลย ยกตัวอย่างเช่น

เช้าวันหนึ่งที่ท้องฟ้าสดใสไปด้วยแสงอาทิตย์แรงกล้าไร้ซึ่งเมฆมาบดบังการเดินทางของลำแสง นกกลุ่มย่อมๆ บินผ่านเพื่อทักทายกับดวงอาทิตย์ส่องสว่าง สายลมพัดเอื่อยๆ เพื่อบ่งบอกว่านี่คือฤดูร้อน อิฐก้อนหนึ่งก็มีควันพวยพุ่งขึ้นมาราวกับว่าภูเขาไฟใกล้ระเบิดเต็มแก่ นั่นก็เพราะว่าแสงอาทิตย์กำลังต่อกรกับก้อนอิฐ ทั้งแม่และฉันพากันปาดเหงื่อป้อยๆ เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะไปด้วยหยดน้ำซึ่งระบายออกมาเพราะทนความอบอ้าวของอากาศไม่ไหว แม่และฉันจึงตัดสินใจย้ายสำมะโนครัวจากหน้าบ้านเข้ามาในบ้านอย่างทันที พร้อมกับตากพัดลมที่ดึงหวึ่งๆ อยู่กลางห้อง แต่พัดลมตัวเก่งที่หมุนอย่างรู้งานก็ไม่ช่วยให้ความร้อนภายในกายหายไปเลย แต่ความร้อนก็ไม่สามารถทำให้พลังกายที่มีของแม่และฉันไม่ถดท้อยลงได้ ฉันกับแม่จึงหาเรื่องพูดคุยกันอย่างออกรสเพราะหวังว่าจะคลายควางหงุดหงิดใจไปได้บ้าง แต่จู่ๆ แม่ยุติวงสนทนาที่เพิ่งสร้างขึ้นมาไม่กี่นาทีก่อน ด้วยการหยิบหมอนขิดที่ได้จากการไปเยี่ยมยายทวดในจังหวังขอนแก่นซึ่งตอนนั้นยายทวดล้มป่วยโดยไม่มีใครตั้งตัวสักคน ด้วยความโมโหปุดๆ ของแม่ เป้าหมายที่แม่งเล็งไว้กลับกลายเป็นกระหม่อมของฉันเสียนี้ โถ่ เจ้าผมของฉันที่ยุ่งเหยิงราวกับว่าทะเลาะกับหวีมาตะกี้ ถูกแม่ขว้างหมอนขวิดใบนั้นเข้าอย่างจัง ฉันลูบหัวป้อยๆ พร้อมกับหันไปถามแม่ด้วยน้ำเสียงงุนงน พร้อมกับถามออกไปด้วยน้ำเสียงขี้เล่นว่าเพราะอากาศร้อนใช่ไหมเนี่ย

ใจความสำคัญ : เช้าวันหนึ่งวันที่อากาศร้อนอบอ้าว แม่และฉันนั่งคุยกันพร้อมกับปาดเหงื่อที่เกิดจากอากาศร้อนมากๆ อยู่ๆ แม่ก็ปาหมอนขิดใส่หัวของฉันโดยไม่รู้สาเหตุ แต่ฉันก็หันไปถามแม่ว่าเพราะอากาศร้อนใช่ไหม แต่ฉันไม่โกรธแม่หรอก

1481716076

วิธีจับใจความสำคัญของการอ่านนิยาย

อ่านพารากราฟนั้น หรือบทนั้นให้เข้าใจว่า เรื่องที่อ่านมีใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ และเพราะอะไร เพราะใจความสำคัญของพารากราฟหรือบทนั้นๆ ก็มีอยู่แค่นี้ อย่าลืมว่าเขียนนิยายจะเขียนทื่อๆ ไม่ได้ มันขาดรสชาติ สิ่งต่างๆ ที่แต่งเติมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น การบรรยาอากาศที่ร้อบอบอ้าว การบินผ่านของนก หรือแม้แต่การส่องแสงของพระอาทิตย์ เป็นการเพิ่มสำนวนให้นิยายในตอนนั้นๆ มีความสละสลวยเพิ่มขึ้น น่าอ่านมากขึ้น เห็นภาพมากขึ้น เพื่อที่ว่านอกจากผู้อ่านจะต้องจับใจความสำคัญของตอนนั้นๆ แล้ว การเพิ่มสำนวนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการบรรยายต่างๆ มันคือการเพิ่มจินตนาการของผู้อ่านให้ไม่รู้จบนั่นเอง

ที่มา:https://daily.rabbit.co.th

บทความแนะนำ