กกน กางเกงใน ปัญหาโลกแตก

บางทีก็สงสัย ทำไมเราจะต้องใส่กางเกงใน กกน. ด้วยล่ะ?

Home / เรื่องทั่วไป / บางทีก็สงสัย ทำไมเราจะต้องใส่กางเกงใน กกน. ด้วยล่ะ?

สรรพนามที่เรียกกันทั่วไปว่า กางเกงใน แต่ ที่รู้จักกันทั่วไปก็จะมีชื่อเรียกอื่นๆอีก เช่น…กางเกงลิง เตี่ยว กกน. เป็นต้น ที่มาของคำว่า “กางเกงลิง“นั้น น่าจะมาจากคำว่า ลิงเจอรี (lingerie) ที่หมายถึง ชุดชั้นในสตรี

บางทีก็สงสัย ทำไมเราจะต้องใส่กางเกงใน

ชุดชั้นในของฝรั่งอาจเป็นแบบที่มีทั้งส่วนบนและส่วนล่างต่อเนื่องกัน มีสิ่งประดับสวยงาม แต่ด้วยที่บ้านเราเป็นเมืองร้อนจึงมีการตัดบางส่วนออกไปนำมาใช้เพียงส่วนที่ เป็นกางเกงอย่างเดียว ซึ่งคนไทยรับมาจากต่างประเทศพอนำมาใช้ก็เรียกกันสั้น ๆ ใช้แค่คำหน้า และด้วยลักษณะการสวมเหมือนกับกางเกงจึงเรียกกันเป็นภาษาพูดว่า กางเกงลิง

ปัญหาโลกแตก!! ทำไมเราจะต้องใส่ กกน.

ในสมัยโบราณผู้หญิงไทยนุ่งโจงกระเบน เข้าใจว่าคงไม่มีการใส่กางเกงชั้นใน ต่อมาเมื่อรับกระโปรงแบบแหม่มมาสวมจึง เริ่มใช้ชุดชั้นในแบบแหม่มด้วย แต่นิสัยคนไทยชอบพูดย่อๆ จึงเรียกกางเกงชั้นในแบบแหม่ม เพียงคำต้นของ “ลิงเจอรี” ว่า “กางเกงลิง”

ชุดชั้นในของสตรีในยุค 1940 ลองไปค้นดูประวัติของ lingerie ของฝรั่งอ้างว่า กางเกงชั้นใน lingerie นี้ กำเนิดขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ประมาณ ค.ศ. 1922 สาวๆเริ่มใส่กระโปรงสั้น สวมหมวกตอนกลางคืนก็ออกไปเฉิดฉายในงานเต้นรำ คำว่า lingerie นี้ มาจาก ภาษาฝรั่งเศส “lin” ที่หมายถึง linen

ลินิน – Linen

ลินิน เริ่มต้นนั้นการใช้ชุดชั้นใน ก็เพื่อความอบอุ่น เพื่อสุขภาพอวัยวะภายในต่อมาเริ่มมีแฟชั่นพัฒนามากขึ้นอีกคำหนึ่งที่ใช้ คือ panties ก็หมายความถึง lingerie เช่นกัน เพราะเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ข้างใน ที่เรียกว่า under wear สำหรับผู้หญิง panties เริ่มใช้ในยุคที่การปฏิวัติฝรั่งเศสโดย Catherine de Medici ซึ่งเกิดไอเดียที่ต้องการขี่ม้าโดยวิธีการขี่คร่อม เช่นเดียวกับผู้ชายจึงต้องมีเสื้อผ้าที่จะสามารถปกปิดร่างกายได้มิดชิดโดยไม่ต้องโชว์หวอสู่สายตาชาวโลก

กล่าวสั้น ๆ คือ ที่เรียกว่ากางเกงลิง เพราะเป็นกางเกงที่ไม่มีขา และทับศัพย์ของคำว่า “ลิงเจอรี-lingerie” โดยพูดสั้น ๆ ว่า “ลิง”

จึงกลายเป็นคำติดปากว่า กางเกงลิงนั่นเอง ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับลิงสักตัวเลย555+

สุขอนามัยในด้านสุขภาพ

ย้อนกลับมาในเรื่องของสุขอนามัยในด้านสุขภาพ ศ.นพ.อภิชาติ จิตต์เจริญภาควิชา สูติศาสตร์-นารีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาล รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้ว่า

“การสวมใส่ชุดชั้นในของสตรีหากคับแน่น รัดเกินไป หนาเกินไปแน่นอนว่าย่อมมีผลต่อสุขภาพ เกิดความอับชื้นได้ง่ายทำให้เกิดเชื้อรานอกจากนี้ชุดชั้นในบางชนิดอาจมีสาร สังเคราะห์ เช่น ไนลอนจะทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองทำให้เกิดผื่นคันหรือทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย ฯลฯ ควรเลือกใช้ชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย เพราะจะเกิดเชื้อราได้น้อยกว่า”

มาดูประเภทของกางเกงในกันค่ะ

กางเกงในของผู้ชาย

กางเกงในแบบขาสั้น (Boxer)

เป็นกางเกงในไม่กระชับ ใส่สบาย แต่ไม่สามารถใส่เคลื่อนไหวมากนัก เช่น การออกกำลังกาย เป็นต้น ที่เป็นที่นิยมคนไทยอย่างเราๆได้รับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตก ส่วนมากจะมีความยาวครึ่งต้นขา

กางเกงในขาสั้นรัดรูป

ที่ต่างจากแบบแรก ตรงที่ว่ากางเกงในแบบนี้เพิ่มความกระชับให้สะดวกต่อการเคลื่อนไหวมากยิ่ง ขึ้น แต่ไม่ได้โอบอุ้มกุ๊กกู๋ของท่านชายมากนัก

กางเกงในขาสั้นแบบกระชับ (Pouch boxer)

อีกชนิดหนึ่ง ที่โอบอุ้มกุ๊กกู๋ได้เป็นอย่างดี กางเกงในแบบนี้เราคงเห็นมากันตั้งแต่จำความ ได้ กางเกงในประเภทนี้ในเมืองไทยมีหลายยี่ห้อหลายรูปแบบ แต่ปัจจัยที่จำเป็นต่อการเลือกนั้น คือ คุณภาพของเนื้อผ้า การระคายเคือง และที่สำคัญอย่างเลือกที่กระชับมากจนเกินนัก เพราะอาจจะทำให้น้องกุ๊กกู๋ของคุณเจ็บปวดตาลาลาได้ (- __-“)

กางเกงในแบบนี้สบายตรงที่เปิดต้นขาสูง เอวต่ำ เพิ่มเสน่ห์ของคุณต่อสาวๆ (อ่ะ..จริงดิ้) รูป แบบนี้ อาจจะมีปัญหากับผู้สวมใส่บางท่าน เพราะขอบยางที่มีเฉพาะกางเกงในแบบนี้ทำให้ผู้สวมใส่บางท่าน เกิดการระคายเคืองเนื่องจากการเสียดสี ระหว่างขอบกางเกงกับเนื้อของท่านชายเมื่อเคลื่อนไหว เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง

สุดท้าย ผู้ชายก็มี จีสตริง นะเอ้อ เซ็กซี่มั๊ยล่ะ 55+ (บรรยายไม่ถูกเลย บอกได้คำเดียวที่ใส่ อารมณ์ล่วนๆ)

กางเกงในของผู้หญิง

แบบแรก

เราเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นตากับกางเกงชั้นในแปลกแหวกแนวนี้ แต่จะมีสักกี่คน ที่คุ้นชินหรือเคยสวมใส่กางเกงชั้นในสไตล์เปรี้ยวปรอทแตกกัน จริงๆ ในยุคที่สาวมั่นใจเกินร้อยดาษดื่นทั่วเมือง กางเกงชั้นในนี่ล่ะ จะเป็นดัชนีบ่งชี้หรือตัววัดดีกรีความเปรี้ยวว่าเปรี้ยว จริงทั้งในและนอก หรือเปรี้ยวหลอกๆ อย่าบอกใคร

คำเตือน : โปรด ระวัง! ขณะที่คุณสวมใส่ชั้นในดังกล่าว คุณอาจได้รับการทาบทามให้เป็นนางเอกมิวสิควิดีโอเคียงคู่กับ จัสติน ทิมเบอร์เลค โฮ๊ะๆๆๆ

แบบที่สอง (Thong)

คือ กางเกงชั้นในประเภทที่ขอบด้านข้างแคบเรียวเล็ก และปกปิดบั้นท้ายช่วงบนเพียงเล็กน้อย กางเกงชั้นในประเภทนี้ถูกแยก และเรียกชื่อแตกต่างกันออกไปอีกตามรูปแบบการตัด เย็บ เช่น “G-string” ซึ่งเผยให้เห็นบั้นท้ายชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วน ” T-string หรือ T-back ” มีเพียงเส้นสายเป็นรูปตัว T พาดผ่านบั้นท้ายเท่านั้น หลายคนอ้างว่ากางเกงชั้นในสไตล์นี้ดูหวือหวาเกินจะรับได้ แต่รับประกันว่า คุณจะไม่เสียใจที่เลือกใส่กางเกงชั้นในแบบนี้กับกางเกงหรือ ชุดเข้ารูปฟิตเปรี๊ยะ เพราะปราศจากรอยขอบชั้นในมากวนใจ

แบบที่สาม (Boy Shorts)

หาก คุณเน้นความสบายเป็นหลัก กางเกงชั้นในที่ดูคล้ายกางเกงผู้ชาย เป็นอีกทางเลือกนอกเหนือจากบิกินี่ ดีไซน์แนวสปอร์ตนี้คล้ายถุงมือที่กระชับพอดี เหมาะกับทุกกิจกรรมที่ต้องการความคล่องตัว เมื่อใดที่สวมกางเกงยีนหรือกระโปรงสั้น โปรดอย่ามองข้ามกางเกงชั้นในประเภทนี้ เพราะกางเกงที่ยาวคลุมปกปิดบั้นท้ายทั้งหมด ทำให้ไม่ทิ้งร่องรอยขอบกางเกง ชั้นใน จึงช่วยเสริมความมั่นใจและคล่องตัวยิ่งขึ้น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า กางเกงในแบบนี้สวมสบายมากจนสาวๆเลือกสวมเวลานอน ……..อันนี้ จขกท ขอยืนยันว่าจริงคราบบบบบ~~(o__0″)แหะๆ

แบบที่สี่ (Full-Coverage)

ปัญหาโลกแตก!! ทำไมเราจะต้องใส่ กกน. 2

กวาด สายตาดูให้ดีแล้วคุณจะพบว่าเทรนด์ฮ็อตในช่วงนี้ หนีไม่พ้นกางเกงหรือกระโปรง เอวสูง ดังนั้นกางเกงชั้นในแบบเต็มตัวจึงเป็นอีกทางเลือกที่คุณไม่ควรพลาด โดยเฉพาะสาวเจ้าเนื้อควรสวมกางเกงชั้นในประเภทนี้เพื่อป้องกันภาวะ “ปลิ้นเป็นปล้อง” ที่จะเกิดขึ้น กางเกงชั้นในเต็มตัวส่วนใหญ่ มักมีขอบเอวอยู่ที่ระดับเอวหรือต่ำกว่าเล็กน้อย และด้านหลังจะปกปิดบั้นท้ายได้มิดชิด นอกจากนี้หากตัดเย็บด้วยผ้าใยสังเคราะห์อย่างสแปนเด็กซ์ จะช่วยเก็บหน้าท้องและบั้นท้ายที่หย่อนคล้อย ให้กระชับเข้ารูปมากยิ่งขึ้น

แบบที่ห้า (Bikini)

นับว่าเป็นกางเกงชั้นในที่พบเห็นเป็นส่วนมากในตู้เสื้อผ้าของหญิงสาว กางเกงในแบบบิกินี่โดยมากจะเว้าช่วงหน้าขาสูง ที่เรียกว่า (High-cut หรือ French Cut) ขอบกางเกงต่ำกว่าระดับเอว และมีแถบด้านข้างแคบหรือเป็นสายเดี่ยว ซึ่งในบางครั้งเรียกกันว่า String Bikini ส่วนด้านหลังจะปิดคลุมบั้นท้ายได้พอประมาณ ไม่เผยให้เห็นบั้นท้ายมากจนเกินไป จึงเป็นกางเกงในยอดฮิตที่สวมใส่ง่ายและสบาย หากคุณสวมชั้นในที่เบาสบาย เหมาะกับรูปร่าง คุณจะรู้สึกดีไปทั้งวัน

ที่มา FWDDER.com