สนิม เป็นปัญหากวนใจสำหรับงานโครงสร้างที่ทำจากเหล็กทุกชนิด หากดูแลป้องกันไม่ดี หรือปล่อยทิ้งไว้นานไป สนิมก็จะกัดเซาะ กินเนื้อเหล็ก จนทำให้เกิดการผุกร่อน และขาดความแข็งแรงไปในที่สุด และอาจเกิดความเสียหายตามมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรั้วบ้าน ประตู โต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวางของ หรือแม้แต่เหล็กโครงสร้างต่าง ๆ ทุกชนิด ดังนั้น การทาสีกันสนิมให้กับเหล็ก ไม่ว่าจะเพื่อนำไปใช้งาน หรือเพื่อซ่อมแซม เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเดิมซ้ำ ๆ จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม วันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคดี ๆ ในการทาสีกันสนิมฉบับเข้าใจง่ายกับ เคล็ดลับจัดการกับปัญหาสนิมง่าย ๆ ด้วยการทาสีกันสนิม
จัดการกับปัญหาสนิม ด้วยการ ทาสีกันสนิม
สนิม คืออะไร
สนิม (Rust) หรือคราบสีน้ำตาลแดง คือ ปฏิกิริยาเคมีที่เกิดจากอากาศ น้ำ ความร้อน หรือความชื้น เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้โลหะหรือเหล็กเกิดปฏิกิริยา จนมีคุณสมบัติแตกต่างไปจากเดิม เช่น สีเปลี่ยนไป เกิดการผุกร่อน จนทำให้ความแข็งแรงลดลง การเกิดสนิมนั้น แม้จะป้องกันด้วยการทาสีกันสนิมแล้วก็ตาม แต่ก็อาจจะเกิดซ้ำขึ้นมาอีกได้ ซึ่งก็อาจเกิดขึ้นได้จากหลาย ๆ ปัจจัย แต่ทางที่ดีเมื่อเราสังเกตเห็นสนิมเกิดขึ้น ให้รีบหาทางกำจัดออกไปโดยเร็ว ก่อนสนิมจะกัดกินวัตถุต่าง ๆ จนผุกร่อนหมดสภาพ การเกิดสนิมมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม และปัจจัยต่าง ๆ ของพื้นผิวนั้นๆ ด้วย
4 ขั้นตอนการทาสีกันสนิม
วิธีแก้ไขง่าย ๆ ในเบื้องต้นก็คือการทาสีกันสนิมเคลือบผิวเหล็ก เพื่อป้องกันการลุกลาม ซึ่งการทาสีเหล็กด้วยสีกันสนิม ก็คล้าย ๆ กับการทาสีอื่น ๆ ทั่วไป เป็นสีรองพื้นที่ใช้ทาเพื่อให้สีเคลือบติด มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเกิดสนิม หรือช่วยชะลอระยะเวลาการเกิดสนิม เป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานเหล็ก การทาสีนั้นก็สามารถทาเองได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการใช้สีทากันสนิมให้ดี มาดูกันเลยดีกว่า ว่าการทาสีกันสนิมมีเทคนิคและขั้นตอนอย่างไรบ้าง
1. เตรียมพื้นผิวก่อนลงมือทาสี
ขั้นตอนแรกก็เหมือนกับการเตรียมพื้นผิวก่อนทาสีทั่ว ๆ ไปคือ ต้องทำความสะอาด ขจัดคราบสิ่งสกปรกพื้นผิวที่จะทาให้สะอาดก่อน ถ้าพื้นผิวยังไม่เป็นสนิมก็ใช้ทินเนอร์ AAA หรือน้ำมันสนเช็ดเบา ๆ แต่ถ้าผิวเหล็กเป็นสนิมแล้ว ให้ขัดสนิมออกก่อนด้วยกระดาษทรายขัดเหล็กเบอร์ 180 หรือใช้หินเจียรขัดออก ควรกำจัดคราบสนิมเก่าออกให้หมด แต่หากพื้นผิวที่เราจะทาเป็นเฟอร์นิเจอร์ หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ให้เตรียมการป้องกันไว้ด้วยการติดเทปกระดาษกาว ปิดในส่วนพื้นผิวอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันสีเลอะเปรอะเปื้อน
2. การผสมสี
การผสมสีทากันสนิมนั้น แนะนำให้ผสมตามอัตราส่วนที่ระบุไว้ตามฉลากเท่านั้น ไม่ควรผสมตามใจชอบ หรือผสมแบบที่ให้ปริมาณมากเข้าไว้ เพราะจะทำให้เนื้อสีกันสนิมเจือจางมากเกินไป การป้องกันสนิมจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร อายุการใช้งานในการป้องกันการเกิดสนิมก็จะน้อยลง และอาจจะเกิดสนิมขึ้นได้อีกในเวลาสั้น ๆ ซึ่งจะเป็นปัญหาไม่รู้จบ ทำให้เสียทั้งเงินและเสียทั้งเวลา
3. เตรียมทาสีกันสนิม
หลังจากทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย ควรทาสีกันสนิมทันที หรือหากปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่ควรให้เกิน 4 ชั่วโมง เพราะเหล็กกับออกซิเจนอาจจะทำปฏิกิริยากัน จนเกิดคราบสนิมเหล็กกลับขึ้นมาอีกได้ ทำให้ต้องเสียเวลาขัดทำความสะอาดซ้ำอีก การทาสีกันสนิมให้ทาจำนวน 1 – 2 ครั้ง ก็เพียงพอ หลังจากทาจนทั่วแล้ว ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง ก่อนทาทับซ้ำ หากเป็นงานละเอียด หรือเฟอร์นิเจอร์ ก็ควรตรวจสอบรายละเอียดตามจุดต่าง ๆ ซอกเล็ก ๆ ให้ดี หากแปรงใหญ่เข้าไม่ถึง สามารถใช้แปรงเล็กเก็บงานให้เรียบร้อย
4. ทาสีจริง
สีที่ใช้ทาทับหน้า หรือสีจริงนั้น โดยปกติแล้วส่วนใหญ่จะเลือกใช้สีน้ำมัน เพราะพื้นผิวเหล็กจะมีความเรียบ มันวาว หากเราใช้สีน้ำมันทาทับ จะทำให้พื้นผิวสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยหลังจากเราปล่อยให้สีกันสนิมแห้งประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง ก็สามารถทาสีจริงทับได้เลย โดยทา 1 – 2 ครั้งเช่นกัน เพียงเท่านี้เราก็จะได้งานทาสีกันสนิมที่มีคุณภาพแล้ว
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 4 ขั้นตอนการทาสีกันสนิม ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ เพราะการทาสีเองนั้นไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่ควรมีอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ ไว้ให้พร้อม เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเอง นอกจากการทาสีที่ถูกวิธีแล้ว ก็ควรเลือกซื้อสีกันสนิมให้ถูกต้องเหมาะสมกับการใช้งานด้วย ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนว่าเราจะใช้สีกันสนิมประเภทไหน พื้นผิวเป็นอย่างไร มีสนิมมากหรือน้อย เพื่อเลือกซื้อให้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป และให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันสนิมได้ยาวนาน
ใครกำลังมองหาผลิตภัณฑ์สีทากันสนิม สีทาบ้าน เพื่อตกแต่งหรือซ่อมแซมบ้านที่เหมาะสม มีคุณภาพมาตรฐาน แนะนำให้เข้าไปที่ TOAGROUP ผู้นำด้านสีทาบ้าน ที่ได้รวมความรู้ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ไว้อย่างมากมาย เพื่อการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด