ทริคภาษาอังกฤษน่ารู้ ใช้ Articles อย่างไรให้ถูกรูปประโยค

เมื่อเราพูดถึงหลักของ Grammar ในเรื่อง Articles เชื่อว่าต้องมีหลายๆ คนที่รู้ว่ามันคืออะไร และก็ต้องมีอีกหลายๆ คนที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร และนำมาใช้อย่างไร แต่ถ้าเราบอกว่ามันคือ “คำนำหน้านาม” ทุกคนก็จะร้อง อ๋อ!! ขึ้นมาในทันที เพราะมันเป็นเรื่องที่เราได้เรียนกันมาตั้งแต่เด็กๆ โดยที่ Articles จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ Article ที่ไม่เฉพาะเจาะจง (Indefinite) และ Article ที่เฉพาะเจาะจง (Definite) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ใช้ Articles อย่างไรให้ถูกรูปประโยค

Grammar Tips การใช้ Articles

1. Indefinite Articles

หมายถึง คำที่ใช้นำหน้านามที่ไม่ชี้เฉพาะ ได้แก่ A, An จะมีความหมายว่าเป็นสิ่งที่พูดถภึงโดยทั่วไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจง เช่น I need a boy  แปลว่า ฉันต้องการผู้ชาย ซึ่งความหมายว่าผู้ชาย หมายถึงผู้ชายคนไหนก็ได้ทั้งโลก ไม่ได้เฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษเป็นคนใดคนหนึ่ง โดย A, An มีวิธีการนำมาใช้ ดังนี้

A จะใช้นำหน้าคำนามนับได้ ที่เป็นนเอกพจน์ และขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ เช่น

– A monkey แปลว่า ลิงตัวหนึ่ง เนื่องจากลิงเป็นนามนับได้เอกพจน์ และ m เป็นพยัญชนะ เราจึงใช้ a วางด้านหน้า

– A ring แปลว่า แหวนวงหนึ่ง เนื่องจากแหวนเป็นนามนับได้เอกพจน์ และ r เป็นพยัญชนะ เราจึงใช้ a วางด้านหน้า

** หมายเหตุ เราสามารถใช้ a นำหน้าคำบอกจำนวนแบบคร่าวๆ ได้อีกด้วย เช่น There are a hundred of people who want to see this cinema. แปลว่า มีคนเป็นร้อยๆ ที่อยากจะดูหนังเรื่องนี้ โดยเราจะสังเกตได้ว่า การใช้ a นำหน้า hundred เป็นการบอกถึงความไม่แน่นอน ถึงแม้เราจะรู้ว่ามีเป็นร้อยๆ แต่ก็ไม่สามารถระบุออกมาได้อย่างชัดเจนว่าจริงๆ แล้วมีกี่ร้อยกันแน่ ดังนั้น ปกติแล้วเขาจะเปลี่ยนเป็นการใช้ two hundred people, three hundred people เสียแทน

An จะใช้นำหน้าคำนามที่เป็นเอกพจน์และขึ้นต้นด้วยสระ ได้แก่ a, e, i, o และ u เช่น 

– An umbrella แปลว่า ร่มคันหนึ่ง เนื่องจากร่มเป็นนามนับได้เอกพจน์ และ u เป็นสระ จึงใช้ an

– An old book แปลว่า หนังสือเก่าหนึ่งเล่ม เนื่องจากหนังสือเป็นนามนับได้เอกพจน์ และ o เป็นสระจึงใช้ an

** หมายเหตุ ถึงแม้ว่าคำส่วนใหญ่ที่ขึ้นต้นด้วยสระ จะใช้ An แต่ก็ยังมีบางกลุ่มคำที่ถึงแม้ว่าจะขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ แต่เวลาในการอ่านออกเสีงมันเป็นเสียงสระ ที่ต้องใช้ An เช่น คำว่า An hour แปลว่า ชั่วโมงหนึ่ง, an heir แปลว่า ทายาทคนหนึ่ง, an honest man แปลว่า ผู้ชายที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง เป็นต้น เหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า เวลาที่เราพูดออกเสียงจะไม่มี H อยู่เลย ทำให้เสียงตกไปอยู่ในอักษรตัวที่สอง ซึ่งเป็นสระแทน ดังนั้น เวลาใช้คำนำหน้า เราจึงใช้ an

2. Definite Articles

หมายถึง คำที่ใช้นำหน้านามที่ชี้เฉพาะ ได้แก่ The ซึ่งมีหลักการใช้อยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้

– ใช้เมื่อนามนี้เป็นสิ่งที่มีเพียงหนึ่งเดียว

เช่น Speed of the Earth’s orbit around the sun is quite high. แปลว่า ความเร็วของการที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์นั้นสูงมาก โดยที่ Earth และ Sun เป็นสิ่งที่มีเพียงอย่างเดียว ไม่มีใครเหมือน จึงใช้ the

– ใช้เมื่อกล่าวถึงนามนั้นซ้ำอีกรอบ

เช่น Yesterday I bought a lot of pens. The pens are very good. แปลว่า เมื่อวานฉันซื้อปากกามาหลายด้าม ปากกาเหล่านั้นดีมาก (เมื่อ pens ถูกกล่าวถึงซ้ำในประโยคที่สอง เราจึงใช้ the นำหน้า)

– ใช้นำหน้าชื่อเฉพาะของสถานที่ต่างๆ

เช่น There is a picturesque view around The Eiffel Tower. แปลว่า รอบๆ หอไอเฟลมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาด เพราะหอไอเฟลเป็นนามเฉพาะ จึงใช้ the

– ใช้นำหน้าชื่อประเทศ

ที่มีคำว่า Union, United อยู่ด้วย หรือขึ้นต้นด้วย Republic, Kingdom และนอกจากนี้ยังรวมถึงประเทศที่เป็นพหูพจน์อีกด้วย เช่น The United Kingdom, The Netherlands เป็นต้น

เห็นกันแล้วใช่ไหมล่ะว่า การนำ Article มาใช้รวมกับประโยคต่างๆ ไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย เพียงแค่เรารู้ถึงวัตถุประสงค์ของรูปประโยคในแต่ละแบบว่าเป็นอย่างไร แค่นี้ก็ทำให้เราสามารถนำ Article มาใช้อย่างถูกวิธีแล้ว

ที่มา : www.dailyenglish.in.thwww.oxbridge.in.thwatchira1.blogspot.com

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง