ในระยะเวลา 1 ปี ที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ และหนึ่งในนั้นก็คือ วัน ครีษมายัน หรือ Summer Solstice บางคนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้าง แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า มันคืออะไรกันแน่ วันนี้เรามีคำอธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้มาฝากกัน ลองไปดูกันได้เลยจ้า
ครีษมายัน วันที่มีกลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี
ความหมายของ วันครีษมายัน
ครีษมายัน มาจากคำสันสกฤต คฺรีษฺม ที่แปลว่า จุดสุดทางเหนือ + อายน ที่แปลว่า การโคจร หรือการมาถึง ดังนั้น คำว่า วันครีษมายัน จึงหมายถึง วันที่พระอาทิตย์โคจรจนไปถึงจุดหยุดคือจุดสุดทางเหนือ
ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด ทำให้ประเทศทางฝั่งขั้วโลกเหนือมีกลางวันยาวนานนานกว่ากลางคืน ซึ่งโดยปกติแล้วจะตรงกับวันที่ 21 มิถุนายน ของทุกปี (อาจจะคลาดเคลื่อนเล็กน้อย)
สำหรับประเทศไทยในวันที่ 21 มิถุนายน 2562 ดวงอาทิตย์จะขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เวลาประมาณ 05:51 น. และตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเวลาประมาณ 18:47 น. รวมเวลาที่ดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลากว่า 12 ชั่วโมง 56 นาที
- วันศารทวิษุวัต กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน ปรากฏการณ์สำคัญการขึ้น-ตกดวงอาทิตย์
- ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2019
เกร็ดความรู้…
– ในทางกลับกัน ประเทศฝั่งขั้วโลกใต้ วันที่ 21 มิถุนายน จะเป็นวันที่ กลางวันสั้นที่สุดในรอบปี ซึ่งถือเป็นวันแรกของฤดูหนาวถ้านับตามปฏิทินดาราศาสตร์ แต่ถ้าตามอุตุนิยมวิทยาแล้ว ก็จะอยู่ในช่วงกลางของฤดูหนาว
– หลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า วันครีษมายัน มีอิทธิพลต่อมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ นั่นก็คือ สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) ที่ประเทศอังกฤษ ที่ถูกสร้างโดยฝีมือมนุษย์ตั้งแต่เมื่อ 3,000–2,000 ปีก่อนคริสตกาล มีการสันนิษฐานว่า สร้างขึ้นเพื่อเป็นปฏิทินดาราศาสตร์ และโหราศาสตร์ เพราะ การวางของหิน สัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ และมีบางทฤษฎีที่บอกว่า คนสร้างใช้ วันครีษมายัน หรือ Summer Solstice เป็นจุดเริ่มต้นของการนับวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก: timeanddate