ภูมิแพ้ผิวหนัง ภูมิแพ้ผิวหนัง อาการ

ภูมิแพ้ผิวหนังคืออะไร อาการ และแนวทางในการรักษา

Home / ข่าวประชาสัมพันธ์ / ภูมิแพ้ผิวหนังคืออะไร อาการ และแนวทางในการรักษา

ภูมิแพ้ผิวหนัง อาการ

ภูมิแพ้ผิวหนังเป็นปัญหาสุขภาพที่พบอาการได้บ่อยในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมาก บทความนี้จะอธิบายถึงความหมาย อาการ และแนวทางในการรักษาภูมิแพ้ผิวหนัง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างเหมาะสม

ภูมิแพ้ผิวหนังคืออะไร

ภูมิแพ้ผิวหนัง หรือ ผื่นแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis) เป็นปฏิกิริยาการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคือง ภูมิแพ้ผิวหนังทำให้เกิดอาการคัน ผื่นแดง และอาการอื่น ๆ บนผิวหนัง ภูมิแพ้ผิวหนังแบ่งอาการออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

1. ภูมิแพ้ผิวหนังชนิดระคายเคือง (Irritant Contact Dermatitis) เกิดจากการสัมผัสสารเคมีหรือวัตถุที่ระคายเคืองผิวหนังโดยตรง เช่น สบู่ น้ำยาทำความสะอาด หรือสารเคมีต่าง ๆ

2. ภูมิแพ้ผิวหนังชนิดภูมิไวเกิน (Allergic Contact Dermatitis) เกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น โลหะ น้ำหอม ยา หรือพืชบางชนิด

ภูมิแพ้ผิวหนังอาการอย่างไร

อาการของภูมิแพ้ผิวหนังอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปมักพบอาการ ดังต่อไปนี้

1. ผื่นแดง ผิวหนังบริเวณที่สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้จะมีลักษณะแดงและอักเสบ
2. อาการคัน ผู้ป่วยมักรู้สึกคันอย่างรุนแรงในบริเวณที่เกิดผื่น
3. บวม ผิวหนังอาจบวมขึ้นเล็กน้อยถึงปานกลาง
4. ตุ่มน้ำ ในบางกรณี อาจพบตุ่มน้ำเล็ก ๆ เกิดขึ้นบนผิวหนัง
5. ผิวแห้งและลอก ผิวหนังอาจแห้งและลอกเป็นขุย โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ระยะการหาย
6. ความเจ็บปวดหรือแสบร้อน ในบางรายอาจรู้สึกเจ็บหรือแสบร้อนบริเวณที่เกิดผื่น

ภูมิแพ้ผิวหนัง ที่มีอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นทันทีหลังสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ หรืออาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวันจึงจะปรากฏอาการ ขึ้นอยู่กับชนิดของภูมิแพ้และความไวของแต่ละบุคคล

แนวทางในการรักษาภูมิแพ้ผิวหนัง

การรักษาภูมิแพ้ผิวหนังมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและสาเหตุ แนวทางการรักษาที่พบบ่อยมี ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาคือการระบุและหลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้
2. การใช้ยาทาเฉพาะที่ เช่น ยาสเตียรอยด์ชนิดทา ช่วยลดการอักเสบและอาการคัน ยาทากลุ่ม Calcineurin inhibitors เช่น Tacrolimus หรือ Pimecrolimus สำหรับกรณีที่เรื้อรังหรือไม่ตอบสนองต่อสเตียรอยด์
3. ยารับประทาน ได้แก่ ยาแก้แพ้ (Antihistamines) ช่วยบรรเทาอาการคัน และยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน สำหรับกรณีที่มีอาการรุนแรง (ใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น)
4. การดูแลผิวพื้นฐาน ด้วยการใช้ครีมหรือโลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัดและการใช้สบู่ที่มีฤทธิ์รุนแรง
5. การรักษาด้วยแสง (Phototherapy) ในบางกรณีที่เรื้อรัง แพทย์อาจแนะนำการรักษาด้วยแสง UVB
6. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สวมถุงมือป้องกันเมื่อต้องสัมผัสกับสารเคมีหรือน้ำเป็นเวลานาน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวแพ้ง่าย เช่น ผลิตภัณฑ์ปราศจากน้ำหอมและสารก่อภูมิแพ้

สำหรับผู้เป็นภูมิแพ้ผิวหนังมีอาการ การพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในกรณีที่มีอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง การรักษาแต่เนิ่น ๆ และการดูแลผิวอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันไม่ให้อาการลุกลามและช่วยให้ผิวหนังฟื้นตัวได้เร็วขึ้น