โรคแพนิคคืออะไร ? อาการ สาเหตุ การวินิจฉัย และการรักษา

โรคแพนิค หรือโรควิตกกังวลแบบตื่นตระหนก เป็นหนึ่งในความผิดปกติทางจิตเวชที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ผู้ป่วยมักประสบกับอาการตื่นตระหนกอย่างรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับโรคแพนิคคืออะไร ? ทั้งอาการ สาเหตุ การวินิจฉัย และแนวทางการรักษา เพื่อให้เข้าใจโรคนี้มากขึ้นและสามารถรับมือได้อย่างเหมาะสม

“โรคแพนิคคืออะไร ?

อาการของโรคแพนิคคืออะไร ?

อาการสำคัญของโรคแพนิค คือการเกิดอาการตื่นตระหนกอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน โดยมักมีอาการทางร่างกายร่วมด้วย ได้แก่

  1. หัวใจเต้นเร็วและแรง
  2. เหงื่อออกมาก
  3. หายใจลำบากหรือหายใจถี่
  4. รู้สึกสั่น กระสับกระส่าย
  5. เจ็บหน้าอกหรือรู้สึกอึดอัดในหน้าอก
  6. คลื่นไส้ หรือปวดท้อง
  7. วิงเวียนศีรษะ รู้สึกเหมือนจะเป็นลม
  8. รู้สึกชาหรือเสียวซ่านตามร่างกาย
  9. รู้สึกร้อนหรือหนาวสั่น
  10. รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง หรือรู้สึกแยกตัวออกจากความเป็นจริง

นอกจากอาการทางกายแล้ว ผู้ป่วยยังมักมีความรู้สึกกลัวอย่างรุนแรง เช่น กลัวว่าจะเสียชีวิต กลัวว่าจะเป็นบ้า หรือกลัวว่าจะสูญเสียการควบคุม อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงที่สุดภายใน 10 นาที แล้วค่อยๆ ลดลงภายใน 20-30 นาที

สาเหตุของโรคแพนิคคืออะไร ?

แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคแพนิค แต่นักวิจัยเชื่อว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่

  1. พันธุกรรม: มีการพบว่าโรคแพนิคมีแนวโน้มที่จะถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
  2. ความผิดปกติทางสมอง: ความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง เช่น เซโรโทนิน อาจมีส่วนทำให้เกิดอาการ
  3. ความเครียดสะสม: เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดอย่างมาก หรือความเครียดที่สะสมเป็นเวลานาน อาจกระตุ้นให้เกิดอาการได้
  4. บุคลิกภาพ: ผู้ที่มีบุคลิกภาพวิตกกังวลหรืออ่อนไหวง่าย อาจมีความเสี่ยงสูงกว่า
  5. ประสบการณ์ในวัยเด็ก: การถูกทารุณกรรมหรือสูญเสียบุคคลสำคัญในวัยเด็ก อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคแพนิค

การวินิจฉัยโรคแพนิค

การวินิจฉัยโรคแพนิคต้องอาศัยการประเมินอาการทางคลินิกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมักเป็นจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาคลินิก ขั้นตอนการวินิจฉัยอาจประกอบด้วย

  1. การสัมภาษณ์ทางคลินิก: แพทย์จะซักประวัติอาการอย่างละเอียด รวมถึงความถี่และความรุนแรงของอาการ
  2. การตรวจร่างกาย: เพื่อแยกโรคทางกายที่อาจมีอาการคล้ายคลึงกัน
  3. การใช้แบบประเมินทางจิตวิทยา: เพื่อประเมินระดับความรุนแรงของอาการและผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
  4. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ: ในบางกรณี อาจมีการตรวจเลือดหรือการตรวจพิเศษอื่นๆ เพื่อแยกโรคทางกายที่อาจเป็นสาเหตุของอาการ

การรักษาโรคแพนิค

การรักษาโรคแพนิคมักใช้วิธีการผสมผสาน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความถี่และความรุนแรงของอาการ ตลอดจนปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย แนวทางการรักษาหลักๆ ได้แก่

1. การรักษาด้วยยา

2. การบำบัดทางจิตวิทยา

3. การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

4. การสนับสนุนทางสังคม

หลังจากที่ได้รู้แล้วว่า โรคแพนิคคืออะไร ? การความเข้าใจที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม ผู้ป่วยสามารถควบคุมอาการและมีชีวิตที่มีคุณภาพได้ การตระหนักรู้ถึงอาการเบื้องต้นและการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญอย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ การสนับสนุนจากครอบครัวและสังคมก็มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูและการจัดการกับโรค การรักษาอย่างต่อเนื่องและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เหมาะสม จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมอาการและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ในระยะยาว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง