เทคนิคการใช้ if clause ทั้ง 3 แบบยังไง ให้รูปประโยคถูกต้อง

หลายๆ คนที่เรียนภาษาอังกฤษก็คงต้องเคยเรียนเกี่ยวกับเรื่อง if clause กันมาอย่างแน่นอน แต่ก็มีหลายๆ คนที่เรียนแล้วไม่เข้าใจหลักในการใช้ว่าควรใช้ยังไง แล้วต้องใช้ตอนไหนถึงจะถูกต้อง ดังนั้นวันนี้เราเลยมีเทคนิคการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกันด้วย… ขอบอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่เราคิด แค่เราจำได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดในอดีต ปัจจุบัน อนาคต หรือไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริงเลย เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เราสามารถเข้าใจได้แล้ว (พร้อมเรายังมี Mind Mapping ให้ดูกันอีกด้วยนะ)

เทคนิคการใช้ if clause ให้ถูกต้อง

if clause หรือ Conditional sentences หมายถึง ประโยคเงื่อนไขหรือส่วนที่เป็นเหตุการณ์สมมติ โดยหลักๆ แล้วจะถูกแบ่งออกเป็นรูปประโยค 3 ชนิดด้วยกัน ดังนี้

1. Type I (real conditional) เป็นประโยคแสดงเงื่อนไขที่สามารถเป็นความจริง หรือแสดงเงื่อนไขที่เป็นไปได้ ในปัจจุบันหรืออนาคต โครงสร้าง : if + present simple, will-future

ตัวอย่างการใช้ 

2. Type II (unreal condition – present) เป็นประโยคแสดงเงื่อนไขที่ไม่สามารถเป็นความจริง หรือเงื่อนไขที่ไม่สามารถเป็นไปได้ (อาจจะใช้เป็นการแนะนำ) โครงสร้าง : if + simple past, would + infinitive

ตัวอย่างการใช้ 

3. Type III (unreal condition – past) เป็นประโยคแสดงเงื่อนไขในอดีต ที่ไม่สามารถเป็นจริงได้เลยในปัจจุบัน และเงื่อนไขนั้นตรงข้ามกันกับความจริงที่เกิดขึ้นในอดีตด้วย โครงสร้าง : if + past perfect, would have + past participle

ตัวอย่างการใช้ 

————————————————

ที่มาและภาพ : dailyenglish และ grammarmindmaps

บทความแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง