ไขข้อสงสัย! ไข้เลือดออกมีกี่สายพันธุ์ ?

โรคไข้เลือดออกนั้นถือได้ว่าเป็นโรคที่สามารถทำอันตรายถึงชีวิตได้ แม้ในระยะแรกจะดูไม่อันตราย คล้ายกับไข้หวัดทั่วไป แต่หากเป็นต่อเนื่องกันหลายวัน ประกอบกับสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง ก็อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้โดยไม่ทันรู้ตัวเลยทีเดียว ดังนั้นแล้ว ในบทความนี้เราจะขอชวนทุกคนมารู้จักกันว่าไข้เลือดออกมีกี่สายพันธุ์ พร้อมแนะนำวิธีดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออก ติดตามกันได้เลย

ไข้เลือดออกมีกี่สายพันธุ์ ?

รู้จักกับ ‘โรคไข้เลือดออก’

โรคไข้เลือดออก คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี Dengue โดยเป็นไวรัสที่ติดต่อผ่านทางยุงลาย มักพบมากในประเทศเขตร้อน โดยเฉพาะประเทศไทยเราที่มีสภาพร้อนชื้น ฝนตกสลับกับแดดออกตลอดวัน ทั้งยังมีพื้นที่น้ำลุ่มขังโดยทั่ว ยิ่งหากบ้านใดที่ไม่มีการป้องกัน ปล่อยให้มีแหล่งน้ำอยู่รอบบ้าน ยิ่งเป็นแหล่งเพาะเชื้อชั้นดี ซึ่งหากติดเชื้อไข้เลือดออกไปแล้ว ก็อาจมีโอกาสที่จะรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว

ไข้เลือดออกมีกี่สายพันธุ์

สำหรับใครที่สงสัยว่าไข้เลือดออกมีกี่สายพันธุ์ ต้องบอกว่าเชื้อไวรัสไข้เลือดออกนั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 สายพันธุ์เลยทีเดียว นั่นก็คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหนก็ล้วนรุนแรงด้วยกันทั้งสิ้น ทางทีดีที่สุดจึงเป็นการหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มียุงร้าย และป้องกันตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ

อาการของโรคไข้เลือดออก เป็นอย่างไร

จากที่เราได้รู้กันไปแล้วว่า ไข้เลือดออกมีกี่สายพันธุ์ อาจทำให้หลายคนเกิดความอยากรู้ด้วยว่า แล้วอาการของโรคไข้เลือดออกนั้นเป็นอย่างไร เพื่อให้สามารถสังเกตตัวเองได้ฉับไว และเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งโดยปกติแล้วเราสามารถแบ่งระยะของไข้เลือดออกได้เป็นทั้งหมด 3 ระยะดังต่อไปนี้

ระยะมีไข้: ผู้ป่วยจะมีไข้สูงตลอดเวลา ประมาณ 2-7 วัน โดยในบางรายที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และอาจมีจุดแดงขึ้นตามร่างกายด้วย ซึ่งความน่ากลัวของระยะนี้ก็คือการที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่ตอบสนองต่อยาลดไข้ จึงต้องเสี่ยงอันตรายจากไข้ที่สูงและอุณหภูมิในร่างกายที่ร้อนจัด

ระยะวิกฤติ: ในระยะนี้ไข้จะลดลง แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังว่า หากใครที่มีภาวะเกร็ดเลือดต่ำ จะทำให้เลือดออกง่าย หากมีภาวะเลือดออกผิดปกติ ก็ยิ่งเป็นอันตราย ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์จนกว่าจะมั่นใจว่าอาการเป็นปกติ

ระยะฟื้นตัว: ในระยะนี้ถือว่าเป็นระยะที่อาการต่าง ๆ เริ่มดีขึ้น ซึ่งต้องเฝ้าระวังให้ไข้ลดต่อเนื่องเป็นเวลา 2 วัน และดูว่าไม่มีอาการใด ๆ แทรกซ้อนแล้ว จึงสามารถกลับไปพักผ่อนร่างกายต่อที่บ้านได้

การป้องกันโรคไข้เลือดออก

จากที่เราได้รู้ทั้งข้อมูลว่าไข้เลือดออกมีกี่สายพันธุ์ และอาการของโรคไข้เลือดออก เรามาปิดท้ายด้วยวิธีการป้องกันโรคไข้เลือดออก เพื่อช่วยให้เราห่างไกลจากอันตรายได้มากขึ้น

และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับไข้เลือดออก ทั้งไข้เลือดออกมีกี่สายพันธุ์, อาการ และวิธีการดูแลตัวเอง ที่เชื่อว่าจะช่วยให้เราเกิดความเข้าใจ และใช้ชีวิตได้อย่างห่างไกลจากไข้เลือดออกได้มากขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง