ความรู้เกี่ยวกับ เครื่องหมายวรรคตอน ภาษาอังกฤษ (English Punctuation Marks)

Punctuation Marks คือ เครื่องหมายวรรคตอน ภาษาอังกฤษ อยู่ในการรับรู้ของนักเรียนไทยตั้งแต่เด็กจนโต บางคนเลือกจดจำในชื่อไทยมากกว่าภาษาอังกฤษ เพราะไม่ค่อยถนัด เช่น ? = Question mark เราเรียกโดยการแปลตรงตัวว่า เครื่องหมายคำถาม วันนี้ จึงนำชื่อและเรื่องราวที่มาของ English Punctuation Marks ให้ได้เรียนรู้กันค่ะ

เครื่องหมายวรรคตอน ภาษาอังกฤษ

English Punctuation Marks

Question mark ?

(เควสเชิน มารฺค) – เครื่องหมายคำถาม เป็นเครื่องหมายที่ใส่เพื่อให้รู้ว่า เป็นข้อความแสดงความสงสัย มาจากภาษาละติน Quaestio เมื่อนำตัว Q + o ตอนแรกเขียนโดยเอาตัวคิวไว้ด้านบน ตัวโอไว้ด้านล่าง แล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงมาเป็น “?”

Ampersand &

(แอ็ม เพอรฺ แซนดฺ) – เราเรียกว่า แอนด์ ใส่เชื่อมคำสองคำ เช่น M&M เชื่อไหมว่า แอ็มเพอรฺแซนดฺ ถูกพบมากว่า 2000 ปีแล้ว คาดว่ามาจากภาษาละตินคือ Et แปลว่า และ ในช่วงราวๆ ปี 1830 เคยเป็นตัวอักษรตัวที่ 27 ของภาษาอังกฤษต่อจาก Z ซึ่งตอนนั้นออกเสียงว่า and per se ไปๆ มาๆ เด็กนักเรียนในอังกฤษก็อ่าน Ampère’s and แอ็มเพอรฺซี แอนดฺมากๆ จึงกลายเป็น แอ็ม เพอรฺ แซนดฺ

Ellipsis …

(อิ ลิป สิส) – ไทยเรียกคือ จุดไข่ปลา เวลาจะพูดถึงจุด 3 จุดนี้กับเพื่อนฝรั่งก็พูดว่า Ellipsis นะ มาจากคำในภาษากรีก Elleipsein แปลว่า พูดอย่างย่อ (สายย่ออาจชอบ Ellipsis) คือเอาไว้ละไว้ในฐานที่เข้าใจ เหมือนเวลาทั้งคนเขียนคนอ่านรู้อยู่แล้ว ข้อความต่อไปคืออะไรก็เหมือนที่เราชอบพูดว่า วิธีขึ้นรถไฟฟ้าก็คือ เมื่อเราซื้อบัตรโดยสารแล้ว เราก็เดินไปที่ทางเข้า แล้วก็ บลา บลา พอไปถึงสยาม ประตูเปิดทางขวา… พอมาถึงเวทีที่เซ็นทรัลเวิร์ลด์ เขาก็เตรียมตัวขึ้นเวที

Punctuations, symbols psd retro style font

Colon :

(โคะ ลัน อ่านแบบไทยๆ ก็ โคล่อน) – เครื่องหมายนี้เป็นของฝรั่ง มาจากคำในภาษากรีก Kolon จึงไม่ควรไปนึกถึงลำไส้ใหญ่ (Colon) เป็นเครื่องหมายของส่วนสำคัญในประโยค ทั้งยังเอาไว้แบ่งตัวเลขชั่วโมง นาทีและวินาทีด้วย

Semi-colon ;

เซมิ โคะลัน

ใช้เชื่อมความ 2 ส่วนที่มีความหมายไปในทางเดียวกัน โดยส่วนที่อยู่หลัง ; เป็นการขยายความ จากความหมาย Part of the part ในภาษากรีก ; จึงทำหน้าที่แบ่งส่วนของความที่มีความหมายในทางเดียวกัน แต่ส่วนหลังช่วยขยายความ

Apostrophe ‘

(อะ พอส ถระ ฝิ) – นักเรียนไทยคุ้นกันมาก โดยเฉพาะ อะ พอส ถระ ฝิ เอ็ส “ ’s” และที่เห็นชอบอยู่แบบนี้ can’t – “can(no)t มาจากภาษาฝรั่งเศสยุคกลางมีความหมายว่า อีกทางหนึ่ง ในทางกลับกัน

Hyphen –

(ไฮเฟ็น) – ไม่ใช่เครื่องหมาย Dash แดช ซึ่งยาวกว่า และไม่ใช่ Minus ไมนัส – เครื่องหมายลบซึ่งหนากว่า แหม จะต้องนั่งวัดกันมือหงิก จึงรู้หรือว่าเป็นเครื่องหมายไหน ไม่ต้องหรอก ดูบริบทสิ เราเห็นไฮเฟ็นในการแบ่งคำหรือเชื่อม 2 คำที่เราสร้างขึ้น เช่น

เช่นนี้ พึงรู้ไว้ว่า มันคือไฮเฟ็น มาจากคำภาษากรีกโบราณว่า hypo + hen

Exclamation mark !

(อิกส คละ เมะ เชิน หมารฺค) –  เรียกง่ายๆ ว่า เครื่องหมายตกใจ หรือ อัศเจรีย์ (ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน เรียก Exclamation point “!” อิกส คละ เมะ เชิน พอยทฺ) โดย Exclamation mark ขึ้นมาท้ายประโยค เพื่อบ่งบอกถึงอารมณ์ความตื่นเต้น แม้ไม่มีการยืนยันแต่หลายคนบอกว่ามาจากภาษาละติน ที่หมายถึงความสนุกสนาน (Joy) คือ io ไปๆ มาๆ ตัว o ขึ้นไปเป็นจุดข้างบน เราจึงเห็นมันเป็นเช่นนี้นี่เอง

Interrobang aka interabang !?

(อินเทอะโระแบง หรือ อินเทอะระแบง) – เครื่องหมายลูกผสมระหว่างอัศเจรีย์ กับเครื่องหมายคำถาม เพื่อบ่งบอกความตกใจพร้อมกันก็สงสัยด้วย เช่น น้องหมาของเธอท้องเหรอ Is your little Chihuahua pregnant !? เราคงไม่ค่อยจะได้เห็นกันบ่อยเท่าไร เพราะมันก็ไม่ได้เป็นเครื่องหมายที่ใช้อย่างเป็นทางการ แต่อาจพบเห็นได้ในหลายๆ ที่

ภาพจาก Pexels

บทความแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง