“เขาเล่าว่า” ท่องเที่ยววิถีไทย… ผ่านวิถีแห่งเรื่องเล่า .. จากวิถีชีวิตของชาวบ้านในท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศไทย ที่มีการทำมาหากิน พักผ่อนบันเทิง ความเชื่อ และ ศาสนา บวกกับความเจ้าบทเจ้ากลอนของคนไทย จนเกิดเป็นบทร้องรำ ศิลปะ นิทาน นิยาย คำบอกเล่า หรือ ตำนานต่างๆที่สืบสานกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
แนวคิดหลักของโครงการเขาเล่าว่า คือความเชื่อที่ว่า..เบื้องหลังทุกๆ ที่ในเมืองไทยนั้นก็เต็มไปด้วย.. เรื่องราวเรื่องเล่า ของพื้นบ้าน บ้างก็เป็นคล้ายตำนานจากเมืองเก่า… บ้างก็เป็นเรื่องเล่าของคนในท้องถิ่น… บ้างให้คุณประโยชน์ ในแก่ผู้ไปสัมผัส…. บ้างเป็นมงคลแก่ผู้ที่ได้ไปกราบไหว้… บ้างคล้ายความเชื่อที่ท้าทาย เร้นลับ…
ททท. จึงขอเชิญคนไทยออกไป รับรู้ สัมผัส มีส่วนร่วม และ เข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวทั่วเมืองไทย ที่นอกจากจะมีความสวยงาม หรือมีความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังเต็มไปด้วยเรื่องราว “เขาเล่าว่า” ….. ที่ไม่ได้เล่าเพียงให้เราแค่เชื่อ….แต่เล่าให้เราออกไปเห็น
เขาเล่าว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
“ถ้ำพญานาค”
ศาลพญานาค ใต้สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 2 อ.เมือง จ.มุกดาหาร
เขาเล่าว่า
…จากความเชื่อทางพุทธศาสนาและศรัทธาของชุมชนลุ่มแม่น้ำโขงที่มีต่อพญานาค เชื่อกันว่า ณ เสาต้นที่2 ของสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงเป็น “ถ้ำพญานาค” ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นจุดที่ท่านจะ ขึ้นมาเพื่อให้พรและปกปักรักษาลูกหลาน ใครที่ได้มาสักการะให้ขอพรพญานาค ณ ถ้ำพญานาค ขอโชคลาภ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตมักสำเร็จผล
“หินชมนภา”
หาดชมดาว อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี
เขาเล่าว่า
…ณ หาดหินรูปทรงประหลาดอันกว้างใหญ่ ในฤดูน้ำโขงลด จะมีหินกลางน้ำผุดขึ้นมาให้เราได้เห็น ชาวบ้านเชื่อกันว่าให้หาหินนี้ให้เจอ เพราะเป็นจุดชมท้องฟ้าที่ส่องแสงและสีสันได้สวยที่สุด ทั้งแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ และทะเลดวงดาว สวยระยิบระยับเต็มท้องฟ้าในยามคืนข้างแรม
…ท้องฟ้าที่สวยและงดงามดั่งฝัน ใครได้มาเซล์ฟฟี่ตรงนี้ก็จะทำให้เราได้สัมผัสกับชีวิตที่สวยงามดั่งฝัน และอย่าลืมแชร์ความสวยงามนี้ไปให้คนอื่นๆ ได้เห็นกันด้วย
“มหายุทธแดนอีสาน”
พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก อ.เมือง จ.ยโสธร
เขาเล่าว่า
…กาลครั้งหนึ่งที่อีสานแล้ง เพราะฝนไม่ตกต่อเนื่องกันถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน !!! จนทำให้พญามหายุทธแดนอีสานอาสานำสัตว์ต่างๆ เช่น ช้าง, ม้า, วัว, ควาย, ปลวก, ผึ้ง และต่อแตน ขึ้นไปรบพญาแถนจนชนะ ฝนจึงตกมาตามเดิม โดยมีข้อแม้ว่า ต้องจุดบั้งไฟขึ้นไปบอกกล่าวทุกปี ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่องราวที่มาของประเพณีบั้งไฟและแลนด์มาร์คพญามหายุทธแดนอีสานแห่งใหม่ ของเมืองไทย…ที่ใครเห็นต้องตะลึง
“วิมานเทวดา
ภูทอก อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ
เขาเล่าว่า
…เส้นทางสู่โลกแห่งการหลุดพ้นนั้นคือ ความเพียรพยายาม ที่นี่คือแดนสวรรค์บนดินที่ทุกคนสามารถไปสัมผัสปรัชญาทางธรรม โดยใช้ความเพียรและครองสติขึ้นจากชั้นที่ 1 จนถึงชั้นที่ 7 เชื่อกันว่าเป็นเสมือนวิมานของเทวดาแห่งป่าหิมพานต์ ใครที่มีโอกาสได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมบนยอดของภูสวรรค์ 7 ชั้น จะถือว่าเป็นมหาบารมี
“ผ้าผิวสวย”
ผ้าย้อมคราม จ.สกลนคร และ จ.อุดรธานี
เขาเล่าว่า
… “ผ้า” สามารถช่วยบำรุงผิวของเราให้สวยได้จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่นำพืชโบราณที่เป็นที่เลื่องลือในสรรพคุณด้านสุขภาพมาย้อมสีผ้าแบบไร้สารเคมี ที่ทำให้เมื่อใส่จะรู้สึกเย็นสบาย ไม่ร้อน และถูกวิจัยมาแล้วโดยประเทศญี่ปุ่นและอเมริกาว่า สามารถป้องกันรังสียูวีได้ แพทย์พื้นบ้านโบราณยังเชื่อว่า กลิ่นหอมของผ้าทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และยังสามารถนำไปนึ่งเพื่อประคบบาดแผลลดอาการอักเสบได้อีกด้วย
“แห่นาคโหด”
แห่นาคโหด บ้านโนนเสลา อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ
เขาเล่าว่า
..พิธีแห่นาคที่นี่…แปลก…ประหลาด…และโหดที่สุดในโลก!! บททดสอบความอดทนอดกลั้นของลูกผู้ชาย เพื่อทดแทนพระคุณของ “แม่” ที่ต้องอดทนอดกลั้นกับความเจ็บปวดเมื่อตอนคลอดลูกออกมา และต้องอดทนกับความทรมานในการ “อยู่ไฟ” บนแคร่ไม้ไผ่ ฉะนั้นนาคที่นี่จะสามารถบวชได้ ต้องอดทนกับความเจ็บปวดและครองตัวให้มั่นบนแคร่ไม้ไผ่ที่ถูกเซิ้ง ถูกโยนอย่างรุนแรง และถูกหามแห่ไปรอบๆ หมู่บ้าน