กล่องแพนโดรา อีกหนึ่งตำนานอันน่าขนลุกของชาวกรีก

เรามักจะยินกันอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องของ ‘กล่องแพนโดรา’ กล่องแห่งความชั่วร้าย ที่ไม่ว่าใครได้เปิดกล่องแห่งความลับนี้ขึ้นมาจะต้องพบกับสิ่งชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ในนั้น แล้วรู้กันหรือเปล่า? ว่าต้นกำเนิดของกล่องแพนโดรานั้นเกิดมาจากสิ่งใด? ใครเป็นสร้างมันขึ้นมา? แล้วภายในกล่องนั้นมีสิ่งชั่วร้ายอะไรซ่อนอยู่?

ตำนานอันน่าขนลุกของ กล่องแพนโดรา

ต้นกำเนิดของเรื่องกล่องแพนโดรานั้น เกิดขึ้นตามตำนานที่ได้ถูกจารึกไว้มาอย่างยาวนานของชาวกรีก ที่มีความเชื่อโบราณว่า มนุษย์นั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยเทพเจ้าที่มีชื่อว่า ‘โพรเมทิอัส’ ซึ่งมนุษย์ยุคแรกที่เทพเจ้าได้สร้างขึ้นมานั้นมีเพียงเพศชายเพียงเพศเดียว หลังจากนั้นเทพซีอุสได้สั่งให้เทพโพรเมทิอัสช่วยสั่งสอนให้มนุษย์รู้จักเคารพในเทพเจ้าและทำให้พวกเขารู้จักวิธีการทำเครื่องสักการะบูชาเทพเจ้าด้วย

ต่อมาเทพโพรเมทิอัสทรงคิดว่า ถ้ามนุษย์ใช้เนื้อสัตว์เพื่อทำการบูชาสังเวยต่อเทพเจ้าจนหมด ก็คงจะไม่มีอะไรเหลือให้มนุษย์เก็บไว้กิน ด้วยเหตุนี้เทพโพรเมทิอัสจึงออกอุบายเพื่อทำการสอนมนุษย์ โดยการแบ่งเนื้อวัวเป็น 2 กอง คือ ให้กองหนึ่งเป็นเพียงโครงกระดูกที่ปิดหน้าด้วยไขมัน ในขณะที่อีกกองหนึ่งเป็นเนื้อล้วนๆ แต่ใช้เครื่องในอำพรางไว้

เมื่อเทพซีอุสเห็นเข้าก็หลงอุบาย และเลือกกองที่มีแต่โครงกระดูก เพราะคิดเอาเองว่าภายในจะซ่อนเนื้อวัวไว้ แต่เมื่อไม่พบก็ทรงพิโรธเทพโพรเมทิอัสเป็นอย่างมาก รวมกับคดีครั้งก่อน ที่เทพโพรเมทิอัสได้ขโมยไฟจากเตาของเทวีเฮสเทียบนเขาโอลิมปัสเพื่อนำมาให้มนุษย์ พระองค์จึงลงโทษเทพโพรเมทิอัส โดยการจับตรึงเอาไว้กับเทือกเขาคอเคซัคและปล่อยให้เหยี่ยวบินมาแทะกินตับของเทพโพรเมทิอัสในทุกวัน แต่พระองค์ก็จะไม่ตายในทันทีและต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปเรื่อยๆ

หลังจากที่เทพซีอุสได้ลงทัณฑ์เทพโพรเมทิอัสเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะลงโทษมนุษย์ด้วยข้อหาที่ว่า เริ่มจะแข็งข้อต่อเทพเจ้า และเห็นดีเห็นงามกับเทพโพรเมทิอัสอีกด้วย พระองค์ทรงรวมตัวกับเหล่าเทพเจ้าองค์อื่นๆ เพื่อสร้างมนุษย์เพศหญิงขึ้นมา ให้ชื่อว่า ‘แพนโดรา (Pandora)’ ซึ่งการสร้างมนุษย์ผู้นี้ได้รับความร่วมมือจากเหล่าเทพเจ้า ดังนี้

1. เทพฮีฟีสทัส เป็นผู้ปั้นรูปมนุษย์ที่เลียนแบบเทพเจ้าเพศหญิง
2. เทพีอธีน่า ประทานพรให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด
3. เทพีอะโฟรไดทิ ประทานพรให้มีความงามและเสน่ห์
4. เทพเฮอร์เมส ประทานชีวิตจิตใจ
5. เทพซีอุส ประทานความอยากรู้อยากเห็น

ซึ่งหลังจากที่ทวยเทพต่างประทานสิ่งต่างๆ เพื่อสร้างเป็นมนุษย์เพศหญิงคนแรกขึ้นมาเสร็จสมบูรณ์แล้ว เทพซีอุสก็ทรงมอบกล่องใบหนึ่งให้แก่แพนโดราพร้อมกำชับว่า ไม่ให้เปิดกล่องใบนี้ออกดูเป็นอันขาด จากนั้นเทพเฮอร์เมสก็นำแพนโดรากลับมาสู่โลกและส่งมอบของขวัญชิ้นนี้ให้ไปเป็นชายาของเทพเอพิเมทิอัส ซึ่งเทพเอพิเมทิอัสก็ทรงรับไว้ด้วยความยินดี แม้ว่าพระองค์จะเคยถูกเทพโพรเมทิอัสกล่าวเตือนไว้แล้วว่า ห้ามรับของจากเทพเจ้าองค์นี้โดยเด็ดขาด แต่ด้วยเพราะหลงในเสน่ห์และความงามของแพนโดรา ทำให้เทพเอพิเมทิอัสทรงลืมและรับนางมาด้วยความเต็มใจ ในที่สุดทั้งสองก็ได้ครองรักกัน และให้กำเนิดบุตรออกมามากมายทั้งชายและหญิง สืบเผ่าพันธุ์ขยายลูกหลานของมนุษย์ออกไปเรื่อยๆ

จนในที่สุดก็มาถึงวันที่เหล่าทวยเทพรอคอย ในตอนนั้นแพนโดราเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้นางเกิดความสงสัยว่า กล่องที่ได้รับมานั้นคืออะไร

ด้วยความอยากรู้ นางจึงตัดสินใจเปิดกล่องออกมาดูด้วยความสงสัย

เมื่อฝากล่องเปิดขึ้นมาความยินดีที่คิดว่าจะได้รับของมีค่าจากสรวงสวรรค์ก็มลายหายไป แต่กลับพบเพียงความหายนะ ความชั่วร้าย และความวิบัติที่เทพเจ้ามอบมาในกล่องเพื่อเป็นบทลงโทษของมนุษย์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ความเกลียดชัง ความโกรธ ความแค้น ความพยาบาท ความโลภ ความหลง โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และความตาย ต่างพวยพุ่งกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทางและซึมซาบเข้าไปสู่มนุษย์ทุกคน

จนในที่สุดมนุษย์ก็กลายเป็นคนเลวที่เต็มไปด้วยความโกรธ เกลียด ชิงชัง อาฆาตแค้น โรคภัยไข้เจ็บ และปิดชีวิตด้วยความตาย อย่างไรก็ตามแพนโดราก็ยังสามารถปิดกล่องใบนั้นได้ทัน ทำให้ยังคงมีบางสิ่งที่กล่องใบนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ หรือที่เราเรียกกันว่า ‘ความสิ้นหวัง’ นั่นเอง ที่ยังไม่ได้มีโอกาสหลุดออกมาซึมซาบเข้าสู่มนุษย์ แต่ทว่ามนุษย์เริ่มมีจิตใจชั่วร้ายโสมมมากขึ้น จนสุดท้ายเทพเจ้าจึงบันดาลให้เกิดน้ำท่วมโลกจนมนุษย์ผู้ชั่วร้ายตายกันหมด

มนุษย์ผู้มีจิตใจดีที่ยังเหลือรอดจึงได้สืบเชื้อสายเผ่าพันธุ์ต่อมา โดยที่ยังมีความชั่วร้ายเกาะติดอยู่ในหัวใจ ทว่าหากมีความหวัง อดกลั้นข่มใจไม่ทำความผิด ความชั่วร้ายต่างๆ ก็มิอาจทำอันตรายใดได้อีก ดังนั้นมนุษย์จึงยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ต่อไปด้วยความหวังที่เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนสามารถก้าวเดินต่อไปได้

ที่มา : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี , http://www.tumnandd.com , ภาพจาก : http://slon.ru/ , http://www.telegraph.co.uk/

ข่าวที่เกี่ยวข้อง