จิม โสภณ จากความฝันอยากเป็นหมอ สู่ผู้กำกับหนัง ลัดดาแลนด์

จากยุคของคนทำหนังที่ต้องไต่เต้าจากผู้ช่วยผู้กำกับระดับล่าง กว่าจะมาเป็นผู้กำกับหนังสักเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ จิม-โสภณ ศักดาพิศิษฎ์ ก็สามารถเดินทางเรียนรู้เริ่มต้นจากยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง ศึกษาบทเรียนจากประสบการณ์การเรียนในมหาวิทยาลัยและการทำงานในชีวิตจริง จนกระทั่งได้ก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์เต็มตัวและประสบความสำเร็จในการเป็นผู้กำกับหนังผีดราม่าครอบครัวอย่าง “ลัดดาแลนด์”

 จากความฝันอยากเป็นหมอ จิม โสภณ สู่การเป็นผู้กำกับภาพยนตร์

เส้นทางสู่การเป็นผู้กำกับภาพยนตร์

จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้กำกับคนดังนั้น มาจากความพลิกผันอยู่หลายครั้ง จากแรงบันดาลใจแรกที่อยากจะเป็นแพทย์ จากการอ่านการ์ตูนเรื่องดัง “Super Doctor K” แต่ด้วยผลการเรียนที่ไม่ถึงเกณฑ์ ก็ทำให้เขาต้องเลือกเรียนในสายศิลป์-คำนวณแทน และกลับพบเส้นทางการเรียนที่น่าสนใจกว่า นั่นก็คือ การเรียนในคณะนิเทศศาสตร์ เป็นที่มาของการเข้าเรียนนิเทศฯ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แม้ในช่วงนั้นจะถือว่าเป็นยุคมืดของภาพยนตร์ไทย และได้เลือกเรียนในสายวิทยุ-โทรทัศน์แทน แต่จิมกลับมีโอกาสได้ทำกิจกรรมฉายหนังรับน้องในทุกๆ ปี รวมถึงการร่วมประกวดทำหนังสั้นในงานต่างๆ จนผลงานเหล่านี้ไปเข้าตาของผู้กำกับโต้งและโอ๋ แห่งจีทีเอช ที่กำลังจะเริ่มเขียนบทหนังสยองขวัญเรื่อง “ชัดเตอร์ กดติดวิญญาณ” จิมจึงได้เข้ามาเป็นทีมงานเขียนบทของหนังเรื่องนี้ ถือเป็นประสบการณ์แรกกับการก้าวเข้ามาสู่วงการภาพยนตร์ ที่กำลังเข้าสู่การเปิดโอกาสให้คนทำหนังยุคใหม่อย่างแท้จริง

แรงบันดาลใจในการเขียนบทภาพยนตร์

จากการได้เขียนบทหนังเรื่องแรกในขณะที่ยังเป็นนิสิตปี 4 แต่เป็นการเขียนบทหนังสยองขวัญที่ประสบความสำเร็จ หลังจากเรียนจบ จิมจึงได้เริ่มเปิดโปรดักชั่นเฮ้าส์เพื่อทำรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับหนังสั้น และรวมถึงได้เข้ามาเป็นคนคุณภาพของค่ายหนังชื่อดังอย่างจีทีเอช ซึ่งโอกาสก็ได้เปิดให้ได้มาเป็นผู้กำกับหนังเรื่องแรกกับ “โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต” แต่ด้วยความเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ ทำให้เขาต้องเผชิญปัญหาการสื่อสารกับทีมงานในกองถ่าย กลายเป็นผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปอย่างที่คิด จนถึงขั้นที่ถูกถอดจากการเป็นผู้กำกับหนังเรื่องต่อไปอย่าง “5แพร่ง” จิมต้องเริ่มต้นกลับไปเป็นนักศึกษาฝึกงานเข้าไปคลุกคลีอย่างใกล้ชิดในกองถ่ายหนัง เกือบปีกับความท้าทายที่จะเริ่มต้นใหม่ จนกระทั่งมีโอกาสได้ไปเวิร์คช้อปเด็กๆ ที่เชียงใหม่ และเป็นที่มาของการเป็นผู้กำกับหนังเรื่องต่อไปอย่าง “ลัดดาแลนด์” ที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และ ณ ตอนนี้ เป้าหมายต่อไปของเขาก็คือการพิสูจน์ถึงความเป็นผู้กำกับคุณภาพที่สร้างความเชื่อใหม่ๆ ให้คนดูหนังสยองขวัญตลอดเวลา และล่าสุด กับหนังเรื่องใหม่ของเขา “ฝากไว้..ในกายเธอ” ที่จะต่อยอดความเป็นหนังสยองขวัญแนวทริลเลอร์ว่าจะสามารถดึงความหลอนครั้งใหม่มาสะกดใจคนดูได้หรือไม่

เทคนิคการเป็นผู้กำกับ และนักเขียนบทให้ประสบความสำเร็จ

“การเป็นผู้กำกับของผม คือผมต้องมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะเล่าให้คนดู ผมถึงเลือกที่จะเขียนบทขึ้นมา ซึ่งแต่ละเรื่องมันก็มาจากต้นทุนประสบการณ์ในชีวิตของเรานี่แหละ ว่าเราไปอ่านหรือไปเจอคนแบบไหนมาบ้าง แล้วผู้กำกับก็จะต้องเป็นคนที่รู้ภาพรวมของหนังมากที่สุด ต้องรู้ว่าอะไรเหมาะกับหนังของเรา อย่างเรื่องล่าสุด แรงบันดาลใจก็มาจากตั้งแต่สมัย 5 แพร่ง ที่ผมอยากทำเกี่ยวกับนักกีฬาว่ายน้ำผู้หญิง แต่ว่าก็ถูกถอดซะก่อน พอมาถึงเรื่องนี้ ก็มีน้องคนหนึ่งเขามาเสนอบทเกี่ยวกับเรื่องผีนักกีฬาว่ายน้ำ ซึ่งมันก็น่าสนใจ ผมเลยเอาคอนเซ็ปต์ของน้องเขามาพัฒนาต่อ และเริ่มมองหานักแสดงที่จะมาเล่น ซึ่งก็มาลงตัวที่ต่อ มาร์ช และเก้า อย่างต่อ มาร์ชก็ต้องมาเข้าคอร์สฟิตเนสเพิ่ม เรียนว่ายน้ำกับนักกีฬาทีมชาติ ซึ่งก็เห็นถึงความตั้งใจของน้องกลุ่มนี้ที่จะทุ่มเทให้กับการเล่นหนังเรื่องนี้อย่างเต็มที่”

ฝากอะไรถึงน้องๆ Campus Star กันหน่อยค่ะ

“เวลาจะทำอะไร ไม่อยากให้น้องๆ คิดเยอะ ผมว่าผมมีสิ่งหนึ่งที่สมัยเรียนผมไม่เหมือนคนอื่น ไม่ใช่ว่าผมเก่งกว่าคนอื่นนะ แต่ว่าผมกล้าที่จะทำมากกว่า อย่างเพื่อนๆ หลายคน เวลาจะทำหนังสั้นเรื่องหนึ่งจะคิดเยอะ ว่ามันจะดีมั้ย หรือไม่ก็ไว้รอสอบเสร็จก่อนค่อยทำ แต่ผมทำเลยนะ ผมจะลงมือทำทุกครั้ง โดยไม่สนใจว่ามันจะล้มเหลวหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้มัน เป็นข้อที่ถือว่าได้เปรียบกว่าคนอื่น เหมือนเราต้องหัดสิ่งเหล่านี้ให้เป็นนิสัย เพราะมันจะทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้นเดิม และมีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองให้ดี ให้เก่งมากยิ่งขึ้นได้”

ภาพบรรยากาศในการทำงานในหนัง เรื่องฝากไว้…ในกายเธอ

ภาพบรรยากาศในการทำงานในหนัง เรื่องฝากไว้…ในกายเธอ

ข้อมูลจาก นิตยสาร Campus star V.15 (สัมภาษณ์เมื่อ สิงหาคม 2014)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง