ในบ้านเราที่ไม่ได้ฉลองวันคริสต์มาสกันจริงจัง อาจะมีคนไม่มากนักที่รู้จักพืชชนิดนี้ มิสเซิลโท (Mistletoe) กาฝากที่อาศัยบนต้นไม้อื่น โดดเด่นเขียวชอุ่มบนต้นไม้ที่กลายเป็นสีน้ำตาลในหน้าหนาว หนุ่มสาวที่ยืนใต้ต้นไม้นี้ก็จะจูบกัน เพราะมีความเชื่อว่า ถ้าได้จูบใต้ต้นมิสเซิลโทนี้แล้ว จะมีความรักอันเป็นนิรันดร์ตราบนานเท่านาน
มิสเซิลโท สัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส
สัญลักษณ์วันคริสต์มาส และความรัก
ซานตาครอส กวางเรนเดียร์ ของขวัญ ต้นคริสต์มาส ตุ๊กตาหิมะ ฯลฯ เหล่านี้คือสิ่งที่เราอาจจะรู้จักกันดี ว่าเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องในวันคริสต์มาส นอกจากนี้ยังมีต้นพืชกาฝากมิสเซิลโท ที่ถูกจับมาแต่งเป็นช่อ ห้อยตกแต่งโต๊ะทานอาหาร แขวนหน้าบ้าน แขวนไว้บนหน้าประตูหรือที่อื่นๆ อีกด้วย
การแขวนพุ่มมิสเซิลโทไว้หน้าบ้าน เพื่อสื่อถึงเทศกาลคริสต์มาส มากกว่าการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และนำพาโชคดีรวมทั้งการมีบุตรหลานมาสู่ครอบครัวเหมือนในอดีต
ตามธรรมเนียมในวันคริสต์มาส หญิง-ชาย คู่รักที่อยู่ใต้ช่อมิสเซิลโทจะต้องจูบกัน เพื่อการมีความรักอันเป็นนิรันดร์ตราบนานเท่านาน
ช่อมิสเซิลโทที่เคยเห็น ที่มีคนเอามาขาย ก็ช่อละประมาณ 2 Euro หรือประมาณ 80 บาท เราก็ซื้อมาจับตกแต่งตามมุมต่างๆ ในวันคริสต์มาสอีกทีค่ะ
ทำไมต้องไปจูบกันใต้มิสเซิลโท ?
เหตุเริ่มขึ้นมาจากเทศกาลอันเก่าแก่ของกรีกที่ชื่อว่า Saturnalia จัดขึ้นในวันที่ 17-23 ธันวาคม ของทุกปี และธรรมเนียมดังกล่าวก็ถูกนำไปใช้ในงานแต่งงานต่างๆ อีกด้วย ต่อมา ในช่วงศตวรรษที่ 18 ที่ประเทศอังกฤษ และด้วยความที่เทศกาลคริสต์มาสเป็นสิ่งที่เกิดมาจากหลายวัฒนธรรม ธรรมเนียมการจูบนี้จึงได้เข้าไปเป็นส่วนร่วมอีกหนึ่งอย่าง
การขโมยจูบหญิงสาวใต้ช่อมิสเซิลโทในวันคริสต์มาส เป็นธรรมเนียมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศอังกฤษ จนถึงกับมีคนบอกว่า ถ้าหากสาวปฏิเสธการจูบของคุณในวันนั้น นั่นหมายความว่าในอนาคตเธอก็จะปฏิเสธการขอแต่งงานด้วยเช่นเดียวกัน
แฮร์รี่ พอตเตอร์ จูบกับโชแชง ใต้พวงมิสเซิลโท เช่นกัน แต่..
เนื้อหาข่าวน่าสนใจ เกี่ยวกับ มิสเซิลโท
- รู้จัก “มิสเซิลโท” จาก “กาฝาก” สู่สัญลักษณ์แห่ง “ความรักและคริสต์มาส”
- ต้นมิสเซิลโท เป็นได้มากกว่าของประดับในวันคริสต์มาส
- ไขข้อข้องใจ เหตุใดต้องจุมพิตใต้ช่อมิสเซิลโท