คิดถึงทุกปี Memories of New Years เป็นภาพยนตร์ Feel Good จากการร่วมทุนของ 3 ประเทศ ไทย-ลาว-กัมพูชา โดยความร่วมมือของ ศักดิ์ชาย ดีนาน ฟิล์ม, 9 บิลเลี่ยน พลัส และพระเอกแถวหน้าของเมืองไทย ชาคริต แย้มนาม ที่นอกจากจะแสดงนำแล้ว ยังร่วมทุนสร้างด้วย มีกำหนดการเข้าฉาย 28 ธันวาคมนี้
สัมภาษณ์สาวสวยแพร – ณัฏฐธิดา นางเอกจาก ภ.คิดถึงทุกปี Memories of New Years
คิดถึงทุกปี Memories of New Years เล่าถึงเรื่องราวความรัก และมิตรภาพดีๆ ของผู้คนต่างชาติ ต่างภาษา ที่โชคชะตานำพาให้มาเจอกันในเทศกาลปีใหม่ (สงกรานต์) โดยเหตุการณ์ต่างๆ จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ต่างสถานที่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 พาร์ทด้วยกัน คือ ไทย, ลาว และกัมพูชา
ภ.คิดถึงทุกปี Memories of New Years ในพาร์ทตอนของ กัมพูชา นั้น ได้นักแสดงที่เคยมีผลงานให้เห็นกันตั้งแต่เธอยังเด็ก จนมาวันนี้เธอจบการศึกษาชั้นปริญญาตรี รับปริญญาไปแล้วเรียบร้อย แพร – ณัฏฐธิดา ดำรงวิเศษพาณิชย์
คือละครเรื่องแรก ตอนอายุ 7 ขวบ ห่างจากงานแสดงไปนาน ตอนแรกกลับมาเรียกได้ว่าสนิทเกราะนะคะ ค่อนข้างงงกับวงการบันเทิงที่มันเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเรื่องของการแสดง หรือการถ่ายทำ แม้กระทั่งอุปกรณ์ในการถ่ายทำยังเปลี่ยนไปเลย คือสมัยก่อน การแสดงจะมีแพทเทิร์นของมัน แต่ตอนนี้เปลี่ยนไป เล่นเป็นตัวเองมากขึ้น เรียลมากขึ้น ธรรมชาติมากขึ้น จะไม่เป็นแพทเทิร์นแบบละครสมัยก่อน ซึ่งเรายังติดอยู่กับภาพตรงนั้น พอเอามาใช้กับปัจจุบัน ทำให้คนดูไม่ชอบ ผู้กำกับไม่ชอบ เขาไม่โอเคว่าทำไมถึงเล่นแบบนี้ แบบแพทเทิร์นโบราณ เป็นเวลาปีนึงที่อยู่ในช่วงสับสนว่า จะยังไง จะอยู่ในวงการนี้ต่อไปไหม เราควรจะไปทำอะไรที่เราเรียนมาดีกว่าไหม เพราะเรารู้สึกว่าเราเล่นไม่ได้ เราไม่เข้าใจอินเนอร์แล้ว ไม่เข้าใจการแสดง จนกระทั่งไปเรียน ไปเวิร์คชอป คือไปทำความเข้าใจเริ่มสเต็ปใหม่ตั้งแต่แรกเลยค่ะ จนเราเริ่มเปิดใจมากขึ้น ทิ้งอีโก้ที่ว่าตัวเองเป็นนักแสดงเด็ก ทำให้เรากลับมาเล่นละครได้เหมือนเดิม”
ผลงานการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรก
ตื่นเต้นมาก คือตอนแรกที่บอกว่ารับหนังใหญ่ ก็เริ่มคิดแล้วว่าจะเล่นยังไง เพราะมันไม่เหมือน กล้องก็ไม่เหมือนละครแล้วอ่าค่ะ ก็ทำการบ้าน ทั้งอ่านบท ไปดูหนัง ไปดูวิธีการเล่น เค้าก็จะบอกเรฟเฟอเรนซ์มาว่าเป็นแนวนี้นะ อย่างแพรดูเรื่อง Sassy Girl นางเอกเค้าจะเมาแบบนี้นะ ดูธรรมชาติมาก ก่อนที่เราจะถ่ายทำก็จะมีเวิร์คชอป คุยกับนักแสดงคนอื่นๆ ก็จะทำความเข้าใจว่า ทัศนคติของตัวละครตัวนี้เป็นอย่างไร วิธีการแสดงที่ผู้กำกับอยากได้ ไปในทิศทางไหน ก็มาแชร์คอมเมนท์กัน ซึ่งดีตรงที่ผู้กำกับเราคุยง่ายมาก เวลามีปัญหาเราก็จะถามเลยว่า พี่แบบนี้โอเคไหม แพรลองแบบนี้ดีกว่า พอมีการแลกเปลี่ยนกันปุ๊บเราก็จะใส่ความเป็นตัวเราได้เยอะ
บทบาทคาแรคเตอร์
เป็นผู้หญิงลุยๆ ค่ะ ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ที่คล้ายตัวแพรมาก แต่ว่าในเรื่องนี้เราผิดหวังความรัก และเราอกหักจนไม่เป็นอันทำอะไร เพื่อนเลยลากไปเที่ยวที่กัมพูชา ลากไปทัวร์ แล้วเราเมา เมาตลอดเวลาไม่มีจิตใจจะเที่ยว เหมือนเราไปลงที่โรงแรมหนึ่ง แล้วไปเมาหลับอยู่ที่นั่น เพื่อนไม่รู้ นึกว่ายังอยู่ในรถ เขาก็เลยไปกัน เราจึงถูกทิ้งไว้ที่กัมพูชาคนเดียว ทำให้ได้มาเจอกับพระเอก ซึ่งเป็นผู้จัดการที่โรงแรมนั้น เขาเลยให้การช่วยเหลือเรา จากที่มองเรื่องความรักในแง่ลบ ก็ค่อยๆเปิดใจว่า มันมีอะไรมากกว่าการอยู่ด้วยกัน
การร่วมงานกับนักแสดงต่างชาติ
ตอนแรกกลัวมากค่ะ เพราะวัฒนธรรม ภาษาไม่เหมือนกัน แต่พอมาเจอกันจริงๆ ไว ฮัง (นักแสดงจากกัมพูชา รับบทเป็น สอน) เขาได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เลยตัดเรื่องการสื่อสารไป พอเป็นเรื่องการแสดง เขาน่ารักตรงที่เขาค่อนข้างเปิด ก็จะคอยถามเล่นแบบนี้หรือเปล่า คือเขาจะมีการคุยกับเราอยู่เสมอ อย่างนี้ดีไหม เลยทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมของเขาด้วย และเขาก็เรียนรู้วัฒนธรรมของเราด้วย ก็สนุกค่ะ
กัมพูชาเป็นอย่างไรบ้าง
ตามความรู้สึกแพร ที่นั่นก็คล้ายๆ ไทยมากนะคะ เพียงแต่ว่า การจราจรของเขาอาจจะติดขัดมากกว่าเรา ด้วยความที่ถนนบ้านเขาไม่ได้เป็นถนนเลนใหญ่แบบบ้านเรา จึงมีการจราจรที่ค่อนข้างติดขัดเยอะมาก ดังนั้น พอจะไปไหนที ต้องเผื่อเวลาการออกเดินทางมาก
ชอบอะไรในกัมพูชา
วิถีชีวิตที่ดั้งเดิมมากกว่าของเราค่ะ ของเราจะเห็นไลฟ์สไตล์ที่คล้ายกับต่างประเทศเยอะ คือทุกคนใส่สูทผูกเนคไท เดินไปเดินมาเร็ว แต่ที่บ้านเค้าคือ ช่วงเช้าเค้าจะสโลว์ไลฟ์ จิบกาแฟ กินปาท่องโก๋ เราจะได้เห็นวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของเค้าเยอะมาก การแต่งตัวเค้าก็ยังใส่ผ้าถุงกันอยู่ ซึ่งอันนี้คือความสวยงามของเค้า อย่างตอนถ่ายทำ แพรก็มีใส่ผ้าถุงเหมือนเค้าด้วย พอใส่เสร็จก็รู้สึกว่าตัวเองไปทำไร่ได้แล้ว(หัวเราะ) คือก็แปลกตา แพรไม่เคยใส่ผ้าถุง ก็จะใส่กับเสื้อเชิ้ตแขนเต่อๆ ก็สนุกดี แปลกตาตัวเองดี
การทำงานในกัมพูชา
เรื่องตอนของแพร ถ่ายอยู่ที่กัมพูชา 3 วันค่ะ เป็นช่วงฤดูร้อนมาก ไม่มีฝนหรือเมฆเลย ค่อนข้างร้อนมากกว่าประเทศไทย มีแค่ตรงนี้แหละที่เป็นอุปสรรค แต่คือลมเค้าเยอะนะ แต่แดดจัด ก็ไปถ่ายตามสถานที่ต่างๆของเค้า เช่น วัดดั้งเดิมที่ติดแม่น้ำโขง อนุสาวรีย์ของที่นั่น มีที่ที่แพรชอบสุดคือ ตรงตึกไปรษณีย์ ไปถ่ายตรงนั้นวันที่3 ร้อนมากนะ แต่มันสวยมาก เป็นฟิลเหมือนแถวๆสนามหลวงบ้านเรา เป็นตึกทรงโบราณที่สวยเหมือนโบราณไทย แล้วพวกตึกแถวต่างๆจะเก่าหมดเลย แต่พอมาอยู่รวมกันแล้วสวยมาก ถัดไปก็จะเป็นแบบสนามหลวง มีพระราชวัง มองไปทางซ้ายก็จะเห็นแม่น้ำคล้ายแบบแม่น้ำเจ้าพระยาบ้านเรา ตรงนั้นจะสวยมาก สมัยก่อนบ้านเรา สนามหลวงจะมีคนมาเล่นว่าวใช่ไหมคะ ตอนนี้ของบ้านเค้าก็ยังเป็นอย่างนั้น เป็นที่ที่คนบ้านเขามารวมตัวกันตอนเย็น คือวันที่แพรไปถ่ายตอนบ่ายโมง ที่ตรงนั้นไม่มีคนเลย แต่พอ 4-5โมงเย็น คนแน่นจนเริ่มถ่ายไม่ได้ เพราะพวกเค้ามานั่งปิคนิค ซึ่งมันน่ารักมาก คนบ้านเขาไม่ได้ติดโทรศัพท์เหมือนบ้านเรา ไม่มีสมาร์ทโฟน คือเอาอาหามานั่งคุยกัน อันนี้คือความน่ารักของวัฒนธรรมบ้านเขา
ความเห็นที่มีต่อตัวละครที่เล่น
คนเราเวลาเสียใจ มันบอกไม่ได้หรอกว่ามากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ คือเราอาจจะพูดได้ว่าเราไม่เสียใจขนาดนั้น แต่ถ้าเราเจอกับตัวเองจริงๆ เราอาจจะเสียใจมากกว่าเขาได้ ถ้าเป็นตัวแพร แพรรู้สึกว่าเขาไปพึ่งแอลกอฮอล์ในการให้ลืม ความจริง ถ้าเขาสนุกกับการอยู่กับเพื่อน กับสิ่งที่อยู่รอบตัว เขาอาจจะลืมกับสิ่งที่เจอมาก็ได้
ถ้าไปพบรักกับคนต่างชาติเหมือนในเรื่อง
ก็อยากให้เกิดขึ้นกับแพรบ้างนะ คือแพรเชื่อในเรื่องพรมลิขิตนะคะ อยากเจอคนที่บังเอิญเจอแล้วมีเรื่องราวที่เขาจำเป็นต้องมาเกี่ยวข้องในชีวิตเรา คือแพรจะไม่ชอบแบบ เจอกันแล้วคุยกันและตัดสินใจคบ คืออันนี้มันพื้นมาก เรารู้สึกอยากเจอใครที่ไปเจออุบัติเหตุแล้วไปเจอคนๆนี้ และคนนี้ต้องมาเกี่ยวพันกับเรา รู้สึกว่ามันเป็นพรหมลิขิต แอบเชื่อเรื่องนี้อยู่ แต่ยังไม่เคยเจอ
ความน่าสนใจในตอนกัมพูชา
ตอนกัมพูชาของแพร จะเป็นความรักในแง่ลบ คืออยากให้คนที่ผิดหวังในความรักมาดูว่า บางทีความรักไม่ตายตัว มันมีสิ่งดีดีอยู่ในนั้นอยู่ เรื่องของแพรจะเป็นคอมมาดี้ซะส่วนใหญ่ ดราม่าตอนท้ายเล็กน้อย ก็อยากจะให้เห็นความสวยงามของวัฒนธรรมทั้ง2ประเทศ ที่มันค่อนข้างต่างกันในความคิดของตัวละครนะคะ แต่พอมาเจอกันแล้วมันน่ารัก มันกลมกลืนสวยงาม
ทุกผลงานการแสดงที่ผ่านมา ชอบแบบไหนที่สุด
แพรจะชอบไม่ซีรีส์ก็หนังใหญ่นี่แหละค่ะ เพราะว่าละคร แพรรู้สึกว่ามีคาแรคเตอร์เป็นตัวกำหนดเยอะที่สุด คือบทจะนำเราเยอะ คือซีรีส์ก็มีบทแต่จะสามารถใส่ความเป็นตัวเองไปได้เยอะ อิมโพรไวซ์เติมแต่งบทเองได้แค่ให้เนื้อหาครอบคลุม แต่พอเป็นละคร ไดอะล็อคมาแบบนี้ เราต้องโฟกัสตาม ส่วนหนังใหญ่ บทจะเป็นไกด์ไลน์เลย แล้วก็เล่นในแบบของเราไป
คาดหวังกับการแสดงครั้งนี้แค่ไหน
คาดหวังนะ ทุกคนทำงานมา แพรว่าคาดหวังกันทุกคน เราก็อยากจะให้ทุกคนได้ดูในมุมมองใหม่ๆ เพราะว่าแพรไม่เคยเล่นหนังใหญ่ ดังนั้น คนอาจจะเซอร์ไพรส์ ซึ่งแพรถือว่าได้ทำดีที่สุดในพาร์ทของเราแล้ว ก็อยากจะให้คนมาดูว่าเราทำตรงนี้ได้นะ