หลังจากที่ตัวพ่อร็อคเกอร์อย่าง ตูน Bodyslam ออกมาวิ่งในโครงการ ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศไทย เพื่อระดมทุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ คนก็เริ่มหันมาสนใจการวิ่งมาขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ เห็นคนอื่นเขาวิ่งกันแบบนี้ คอหนังอย่างเราก้อดคิดถึงหนังที่เกี่ยวกับการวิ่งไม่ได้ แหม่…ดูทีไรก็มีน้ำตา ดูเมื่อไหร่ก็หายท้อทุกที วันนี้ Campus-Star จะพาคุณไปดู ก้าวต่อไป! 9 อันดับ หนังวิ่ง ที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้คนดูอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!! พอดูจบคุณจะแทบอยากออกไปวิ่งแทบไม่ทัน
หนังวิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนดู…
9. Children of Heaven
คุณเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ใครๆ ก็อยากเป็นที่ 1 มั้ย ? นั่นอาจจะเป็นความคิดของคุณ หรือใครๆ แต่ไม่ใช่กับเด็กชายอาลี เพราะในการแข่งขันวิ่งมาราธอนของนักเรียนชาย เขาต้องการได้รางวัลที่ 3 นั่นก็คือ รองเท้าผ้าใบเพื่อเป็นของขวัญให้กับน้องสาวของเขาเท่านั้น ส่วนรางวัลอื่นๆ อาลีไม่สนใจ ถึงแม้จะต้องเจออุปสรรค แต่เขาก็ยืนยันคำเดิมว่าสิ่งที่เขาต้องการจากการแข่งขันวิ่งครั้งนี้คือ รางวัลที่ 3
8. รัก 7 ปี ดี 7 หน ตอน 42.195
เป็นหนังไทยอีกเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนดูอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับ รัก 7 ปี ดี 7 หน ตอน 42.195 ว่ากันด้วยหญิงสาวคนหนึ่งที่พบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เธอเป็นทุกข์ราวกับว่าชีวิตหมดอาลัยตายอยาก จนกระทั่งเธอได้พบกับนักวิ่งหนุ่มที่ชักชวนให้เธอมาวิ่งแข่งมาราธอน แม้กระเหนื่อยและยากเย็น แต่เมื่อถึงเส้นชัยแล้วมันก็คุ้มค่าไม่ใช่เหรอ
7. Running Boy
ถือเป็นหนังเกาหลีคุณภาพอีกเรื่องหนึ่งสำหรับ Running Boy ว่ากันด้วยเรื่องราวของเด็กหนุ่มวัย 20 ปี ที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก ถึงแม้ว่าสังคมจะบอกว่าเขาเป็นบุคคลที่ไร้ความสามารถ แต่ผู้เป็นกลับไม่คิดเช่นนั้น เธอสนับสนุนสิ่งที่ลูกชายทำแล้วมีความสุขอย่างเต็มที่ นั่นก็คือ การวิ่งมาราธอน และสิ่งนี้แหละที่พิสูจน์ความสามารถที่แท้จริงของลูกชายของเธอ
6. Unbroken
เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงอีกเรื่องสำหรับ Unbroken นี่คือสตอรี่ของ Louis Zamperini นักวิ่งเหรียญทองที่อดีตของเขาเคยใช้พรสวรรค์ในการวิ่งแบบผิดๆ เช่นการวิ่งราว หรือการขโมยเล็กขโมยน้อย ก่อนที่เขาจะเดินมาเจอกับจุดเปลี่ยนของชีวิต นั่นทำให้ Louis หันมาใช้พรสวรรค์ในทางที่ถูกต้อง โดยในหนังจะอยู่ในช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่หวั่น เพราะเป้าหมายของเขาก็คือชัยชนะ ถึงแม้ว่าขาคู่นี้จะต้องแหลกเป็นเสี่ยงๆ ก็ตาม
5. Run fatboy Run
ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังคอมเมดี้ แต่ Run fatboy Run ก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนดูได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเรื่องราวจะมีอยู่ว่า ชายหนุ่มที่อ้วนลงพุงที่ต้องการจะพิสูจน์ตัวเองเพื่อรักแท้ โดยผ่านการวิ่งมาราธอน จากคนที่ไม่อะไรกับชีวิต ปล่อยเวลาผ่านไปวันๆ อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเอง หัดวิ่ง และทำชีวิตตัวเองให้มันดีขึ้น หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกที่ไม่มีมุขหยาบคาย เด็กผู้ใหญ่สามารถดูได้หมด นอกจากเสียงหัวเราะที่คุณจะได้รับแล้ว คุณจะได้ข้อคิดดีๆ อีกเพียบเลยแหละ
4. Prefontaine
นี่คือหนังสารคดีของ Steve Prefontaine นักกีฬาทีมอเมริกันที่มีสกิลขั้นเทพ เขาสามารถวิ่งได้ถึง 5,000 ด้วยกัน เรียกได้ว่าตั้งแต่วิ่งฝีเท้าแรกจนไปถึงเส้นชัย ไม่มีเลยซักก้าวที่ความมุ่งมั่นของเขาจะลดลง ด้วยระยะทาง 5,000 ดูเหมือนจะยืดเยื้อและยาวนาน แต่ไปๆ มาๆ การแข่งขันกลับน่าตื่นเต้นว่าการแข่งวิ่ง 100 เมตรซะอีก และนักแสดงที่มารับบทเป็น Steve Prefontaine ก็คือนักร้องตัวพ่อสุดอาร์ตอย่าง Jared Leto นั่นเอง
3. Chariots of Fire
Chariots of Fire นี่ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี 1982 ที่สร้างจากเรื่องจริงของนักกีฬาชาวอังกฤษ 2 คน พวกเขาทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายและความฝัน ที่เหนือไปว่า เกียรติยศ ชื่อเสียง นั่นก็คือ การเป็นที่ยอมรับ และหลุดพ้นจากคำดูถูก เมื่อคุณดูหนังเรื่องนี้ คุณจะรู้เลยว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เส้นชัยและเหรียญทองไม่ได้มีค่าไปกว่ามิตรภาพและผองเพื่อนเลย ดีไม่ดีก็คิดว่าล่ะกันว่าหนังเรื่องนี้คว้ารางวัลออสการ์ถึง 4 รางวัลด้วยกัน
2. The Athlete
นี่เป็นอีกสตอรี่หนึ่งในตำนานของวงการกีฬาโอลิมปิก ว่าด้วย อาเบเบ บิกิลา นักกีฬาชาวเอธิโอเปีย ที่เมื่อก่อนเขาเคยลำบากมามาก ไม่มีข้าวกิน และไม่มีแม้แต่รองเท้าจะใส่วิ่ง แต่ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจถึงจะไม่มีรองเท้าวิ่งก็ไม่เป็นไร ก็สองขานี่แหละก้าวต่อไป ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด เขาไม่รอและแยแสจากโชคชะตาและนั่งรอคอยโอกาส แต่เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยขาสองข้าง และด้วยความพยายามนี้ทำให้คนที่ชีวิตติดลบ กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ใครท้อๆ อยู่ เราแนะนำให้ดุหนังเรื่องนี้เลย รับรองว่าคุณจะรู้สึกฮึกเหิมมากขึ้นเลยแหละ
1. Race
Race ก็เป็นหนังอีกเรื่องได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง นี่คือเรื่องราวของ Jesse Owens นักกีฬากรีฑาผิวสีคนแรกๆ ของประวัติศาสตร์ ที่สร้างตำนานด้วยการคว้าเหรียญรางวัลในการแข่งขันโอลิมปิกในปี 1936 ต่อหน้า ฮิตเลอร์ ชายผุ้มั่นใจในชนชาติตัวเองว่าสูงศักดิ์กว่าชนชาติอื่นๆ เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นการรวมเรื่องรวมของกีฬา ความพยายาม พรสวรรค์ ความแตกต่าง และการเมืองเข้าด้วยกัน พอดูจบแล้วคุณจะร่ำไห้เราก็จะไม่แปลกใจเลย เพราะมันน่าซึ้งใจจริงๆ แหละ