30 เรื่องน่าสนใจ ของ จูราสสิค เวิลด์ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

ภาพยนตร์ จูราสสิค เวิลด์ (Jurassic World) ผลงานของผู้กำกับ คอลิน เทรเวอร์โรว ที่จัดหนักจัดเต็ม กับวิกฤตหายนะของการคืนชีพสัตว์โลกล้านปี และวันนี้ ไม่ว่าคุณจะดูหนังแล้วหรือไม่ นี่คือ 30 เรื่องสุดอินไซต์ของ จูราสสิค เวิลด์ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน กำตั๋วเข้าชมในมือให้แน่น แล้วเชิญเข้าสู่โซนพิเศษของสวนไดโนเสาร์กันได้เลย

30 เรื่องน่าสนใจ ของ จูราสสิค เวิลด์

1. Jurassic World ถือเป็นครั้งแรกที่สวนไดโนเสาร์ พร้อมเปิดในฐานะสวนสนุก ให้คนทั่วไปเข้าชมได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยใน Jurassic Park ภาคแรกนั้น สวนกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ส่วนภาค 2 และ 3 สวนก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แถมมีไดโนเสาร์อยู่แค่ไม่กี่ตัวอีกต่างหาก

2. เหตุการณ์ใน Jurassic World เกิดขึ้นต่อจากวิกฤตปิดตายเกาะใน Jurassic Park ภาคแรก โดยห่างกันเป็นเวลา 22 ปี ทั้งเวลาในหนัง และเวลาฉายจริงด้วย

3. ประตูทางเข้าของ Jurassic World ตั้งใจรักษารูปลักษณ์ดั้งเดิมของประตูใน Jurassic Park เอาไว้ โดยปรับเปลี่ยนแค่เพียงมุมกล้องที่ใช้ถ่ายเท่านั้น

4. ในโถงอาคารจัดแสดงของ Jurassic World มีรูปปั้นของ จอห์น แฮมมอนด์ ผู้ก่อตั้ง InGen บริษัทผู้คืนชีพไดโนเสาร์ และสร้างสวน Jurassic Park เพื่อเป็นการคารวะ เซอร์ ริชาร์ด แอทเทนเบอเรอห์ ผู้เคยรับบทดังกล่าวโดยเฉพาะ

5. เหตุการณ์ใน Jurassic World และ Jurassic Park เกิดขึ้นบนเกาะอิสลา นูบลาร์ ส่วน The Lost World: Jurassic Park และ Jurassic Park III เกิดขึ้นบนเกาะอิสลา ซอลนา อันเป็นสถานที่ตั้งไซต์ B ของบริษัท

6. ฉากที่แขวนปลาฉลามตัวเขื่อง เพื่อเป็นเหยื่อล่อให้โมซาซอรัส กระโจนจากน้ำ ขึ้นมางับลงคอนั้น ได้แรงบันดาลใจโดยตรงมาจาก คมเขี้ยวฉลามโหด ในภาพยนตร์เรื่อง Jaws

7. การที่ผู้บริหารสาว แคลร์ (ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด) สวมชุดสีขาวทั้งตัวนั้น เพื่อแสดงการคารวะต่อ เซอร์ ริชาร์ด แอทเทนเบอเรอห์ ผู้รับบท จอห์น แฮมมอนด์ ที่มาในชุดขาวสะอาด อันเป็นเอกลักษณ์

8. Jurassic Park เป็นหนึ่งในหนังเรื่องโปรดของ คริส แพรตต์ จึงไม่น่าแปลกใจ หากเขาจะยินดีอย่างยิ่ง ที่จะได้มีส่วนรวมในการเปิดสวนไดโนเสาร์นี้อีกครั้ง

9. ไดโลโฟซอรัส ไอ้ตัวแสบพ่นพิษได้ใน Jurassic Park กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในภาคล่าสุดนี้ ในรูปลักษณ์ของภาพโฮโลแกรมที่ศูนย์การเรียนรู้ และมันยังคงงัดท่ากางแผงคอประจำตัว มาใช้ข่มขวัญเช่นเคย

10. บี.ดี. หว่อง ผู้รับบทเป็น ดร.เฮนรี่ วู หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ชาวเอเชีย เป็นคนเดียวที่เคยแสดงใน Jurassic Park ภาคแรก และกลับมารับบทเดิมอีกครั้งใน Jurassic World โดยหน้าตาก็อาวุโสขึ้นไปตามวัย

11. สตีเวน สปีลเบิร์ก ที่เห็นพ้องกับผู้กำกับ คอลิน เทรเวอร์โรว ว่าใน Jurassic World นี้ อยากหาหนทางให้ผู้คนสามารถเข้าใกล้ไดโนเสาร์ในระยะประชิด บนรถที่ขับเคลื่อนได้อย่างอิสระ รับประสบการณ์ท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ จึงเกิดเป็นรถสุดไฮเทคทรงกลม ในชื่อ ไจโรสโคป นั่นเอง

12. สไปโนซอรัส ที่เคยผงาดเป็นพี่เบิ้มในภาค 3 กลับมาอีกครั้ง ใน Jurassic World แต่ในสภาพหมดฤทธิ์ เหลือแค่โครงกระดูก ที่จัดแสดงอยู่ในโซน ซิตี้วอล์ค เพียงเท่านั้น

13. อินโดไมนัสเร็กซ์ เป็นภาษาละติน แปลว่า ราชาผู้ดุร้าย ที่ถูกสร้างขึ้นจากกระบวนการพันธุวิศวกรรม เกิดเป็นไดโนเสาร์ตัวมหึมา ที่กลายเป็นนักล่าสุดโหดของธรรมชาติ ไม่ใช่เพื่อกิน แต่เอามันส์ล้วนๆ!!

14. คอลิน เทรเวอร์โรว นอกจากจะเป็นผู้กำกับแล้ว ยังให้เสียง มิสเตอร์ดีเอ็นเอ ตัวการ์ตูนแอนิเมชั่นผู้บรรยายความรู้ในหนังอีกด้วย

15. แบรด เบิร์ด ผู้กำกับ Tomorrowland ก็ขอมาแจมในหนังด้วย โดยเป็นผู้ให้เสียงประกาศบนรถไฟฟ้าโมโนเรล ที่นำเข้าสู่สวนไดโนเสาร์

16. มอเตอร์ไซด์ที่ คริส แพรตต์ ขี่เคียงคู่แก๊งแรปเตอร์ในหนัง ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัท Triumph หลังแสดงอาการอยากได้ออกนอกหน้า เขาก็ได้มันเป็นของขวัญกลับบ้านไปเลย หลังจากถ่ายจบ

17. จอมโหด ทีเร็กซ์ ใน Jurassic World เป็นตัวเดียวกับที่เคยแผลงฤทธิ์ใน Jurassic Park หากลองสังเกตดู จะพบว่ามันยังมีรอยแผลเป็นบริเวณคอ ที่เกิดจากกรงเล็บของแรปเตอร์อยู่ให้เห็น

18. ทีเร็กซ์ตัวเก่า ยังไงก็ยังมีนิสัยเก่าๆ มันยังคงโปรดปรานแพะสดๆ และหลงใหลการวิ่งตามแสงไฟเหมือนเดิม

19. รถจิ๊ปที่สองพี่น้อง แซ็ค-เกรย์ไปซ่อมจนใช้การได้ คือรถเบอร์ 29 เป็นรถคันเดียวกับที่ จอห์น แฮมมอนน์ พาคณะตรวจสอบ เข้าชม Jurassic Park ภาคแรก

20. ห้องศูนย์กลางควบคุมสุดล้ำ ใน Jurassic World นั้น อิงมาจากสวนสนุก Universal Studios ที่ฟลอริดา และห้องปฏิบัติการขององค์การอวกาศ Nasa

21. อาร์มี แฮมเมอร์, เฮนรี่ คาวิลล์, เกล็น โฮเวอร์ตั้น, เจสัน ซุเดคิส, จอช โบรลิน, จอห์น คราซินสกี้, เจสัน สเตแธม และ คริส แพรตต์ ต่างเคยได้รับการพิจารณาให้มารับบท โอเวน แต่สุดท้าย อดีตสตาร์ลอร์ด ก็คว้าบทครูฝึกแรปเตอร์นี้ไปครอง (อืม…ถ้า สเตแธมได้ไป คงยิงไดโนเสาร์ดับอนาถ!)

22. ไซมอน มาสรานี มหาเศรษฐีชาวอินเดีย ที่มาซื้อต่อกิจการสวนไดโนเสาร์นี้ สามารถสัมผัสถึงความสุขของสัตว์ ที่แสดงออกผ่านดวงตาของพวกมันได้ ซึ่งคล้ายคลึงกับบท พาย ที่เข้าอกเข้าใจเสือคู่ทุกข์ ใน Life of Pi ที่รับบทโดย เออร์ฟาน ข่าน เช่นเดียวกัน

23. ฉากที่พี่น้อง แซ็ด-เกรย์ ถูกไดโนเสาร์ขนาดมหึมา เข้าโจมตีขณะอยู่ในไจโรสโคป ทำขึ้นเพื่อคารวะต่อฉากต้นฉบับใน Jurassic Park ที่ เล็กซ์ และทิม เมอร์ฟีย์ ถูกทีเร็กซ์เข้าเล่นงาน ขณะอยู่บรถสำรวจ

24. ในตอนแรก ทีมงานมีความคิดจะใส่กองทหาร ที่เกิดจากการผสมดีเอ็นเอระหว่างมนุษย์และไดโนเสาร์เข้าไปในหนังด้วย แต่สุดท้ายมันคงดูหลุดโลกไปหน่อย ไอเดียนี้จึงเป็นอันยกเลิกไ

25. ถึงแม้จะใช้เทคนิคซีจี สร้างไดโนเสาร์เกือบตลอดทั้งเรื่อง แต่ในฉากที่ โอเวน เข้าปลอบประโลมแรปเตอร์ ที่ถูกขังอยู่ในคอกพร้อมตะกร้อเหล็กครอบปากนั้น มีการสร้างหุ่นอนิมาโทรนิกส่วนหัว ขึ้นมาใช้ถ่ายทำ ซึ่งมันสามารถขยับ กะพริบตา และแยกเขี้ยวได้จริงๆ!

26. ขณะที่ถ่ายทำ Jurassic World สตีเวน สปีลเบิร์ก ใช้ชื่อปลอมของหนังว่า Ebb Tide และไม่มีใครรู้เหตุผลที่เขาเลือกชื่อนี้ สงสัยคงต้องรอพ่อมดฮอลลีวูดมาตอบเอง

27. แต่เดิม Jurassic World จะใช้ชื่อว่า Jurassic Park: Extinction

28. ฉากสั้นๆ ที่รถวิ่งผ่านทุ่งหญ้า กลางฝูงแกลลิมิมัส ที่กำลังวิ่งอย่างร่าเริงนั้น มีที่มาจากฉากใน Jurassic Park ที่ ดร.อลัน แกรนท์ พาเด็กๆ วิ่งหน้าตั้ง ฝ่าฝูงไดโนเสาร์บนทุ่งกว้าง โดยใช้มุมกล้องและจังหวะเดียวกันเป๊ะ

29. Jurassic World เป็นหนังเรื่องแรกของแฟรนไชส์ ที่ไม่มีฉากกลางสายฝน

30. Jurassic World เป็นเรื่องแรกอีกเช่นกัน ที่โชว์ฉากการตายของไดโนเสาร์ อันเกิดจากฝีมือมนุษย์แบบจะๆ!

ออกผจญภัยสุดระห่ำ สู่หายนะแห่งสวนไดโนเสาร์ ไปกับ  Jurassic World จูราสสิค เวิลด์ ได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

ข้อมูลจาก http://movie.mthai.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง